รัฐสภา 18 พ.ค. – “นิกร” เผย กมธ.กฎหมายลูกยืนเนื้อหาตามที่ปรับปรุง แต่ให้สิทธิสมาชิกรัฐสภา สงวนความเห็นทุกประเด็น พร้อมมี 3 ข้อสังเกตให้ กกต. ปฏิบัติ ทั้งจัดมหรสพ-ทำบัตรเลือกตั้ง-กำหนดสัดส่วน ชาย-หญิง สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ… รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงผลการพิจารณา ซึ่ง กมธ.ได้เชิญสมาชิกรัฐสภาทั้ง 16 คน ชี้แจงคำแปรญัตติที่เสนอ ว่าได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดย กมธ. ยืนยันตามเนื้อหาที่ได้พิจารณาแก้ไขในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ ส่วนคำแปรญัตติที่สมาชิกเสนอนั้น กมธ.ให้สงวนคำแปรญัตติเพื่อไปอภิปรายต่อที่ประชุมรัฐสภา เบื้องต้นมีรายละเอียดที่สำคัญ เช่น คำแปรญัตติของนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ที่เสนอให้บุคคลที่พ้นตำแหน่ง ส.ว. สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ หรือกรณีที่ให้การหาเสียงเลือกตั้งสามารถจัดมหรสพได้
“ประเด็นการจัดมหรสพนั้น เบื้องต้น กมธ.เห็นด้วย เพราะมองว่าเป็นแนวทางการสร้างการประชาสัมพันธ์ที่ดีและทำให้ประชาชนสนใจการเลือกตั้ง ทั้งนี้ กมธ.มีข้อสังเกตแนบท้ายด้วยว่า ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการ และ กมธ.มองว่ากรณีที่บางพรรคไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต แต่ส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจไม่มีช่องทางสื่อสารนโยบาย ดังนั้นกรณีการจัดเวทีดังกล่าวจะสามารถมีเวทีสื่อสารนโยบาย” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีคำแปรญัตติของนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว. ที่เสนอให้การจัดผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้คำนึงถึงผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส แต่กมธ.เห็นว่าหากบัญญัติไว้จะปฏิบัติยาก และกรณีที่ไม่บัญญัติไว้พรรคการเมืองต้องดำเนินการจัดสรรให้บุคคล เช่น ชนเผ่า เพื่อดึงคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกลุ่มนั้นๆ ส่วนประเด็นสำคัญคือ การเสนอคำแปรญัตติเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มี ส.ส.ก้าวไกล และ ส.ส.พรรคเล็ก เสนอ กมธ.ยืนยันตามเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ กมธ.มีมติ 32 ต่อ 11 เสียงไปก่อนหน้านั้น นอกจากนั้นยังมีคำแปรญัตติของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 51 มาตรา และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกว่า 44 มาตรา ที่ กมธ.ให้สิทธิสงวนความเห็นไปอภิปรายต่อที่ประชุมรัฐสภา เบื้องต้นเหตุผลที่ กมธ.ไม่รับพิจารณา เพราะมองว่าบางประเด็นเกินกว่าหลักการของร่างกฎหมาย
นายนิกร กล่าวด้วยว่าในการประชุม กมธ. วันที่ 19 พฤษภาคม กมธ.จะพิจารณาตรวจถ้อยคำ และพิจารณาข้อสังเกต 3 ประเด็น คือ ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ได้แก่ เรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ควรกำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำของผู้สมัคร ซึ่งเป็นชายและ หญิง เพื่อเป็นมาตรการบังคับให้พรรคสรรหาผู้สมัครตามอัตราส่วนดังกล่าว รวมถึงการคำนึงถึงผู้สมัครจากภูมิภาคต่างๆ และความเท่าเทียมระหว่างชายและหญิง และกรณีของการทำไพรมารีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมือง ที่เนื้อหากำหนดให้ กกต.กำหนดวิธีการและหลักการ กมธ.มีข้อสังเกตให้ กมธ. ประชุมพรรคการเมืองเพื่อรับฟังข้อเสนอและความเห็นก่อนที่จะกำหนดวิธีการและหลักการ ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. คือ เรื่องการกำหนดบัตรเลือกตั้ง กกต.ต้องกำหนดช่องทำเครื่องหมายให้ชัดเจน โดยเรียงลำดับหมายเลขผู้สมัครหรือหมายเลขพรรคการเมือง เพียงหมายเลขเดียวเรียงลำดับไปถึงหมายเลขสุดท้าย เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถออกเสียงได้ตรงกับผู้สมัครที่ประสงค์จะลงคะแนน.- สำนักข่าวไทย