นายกฯ ยันร่วมถกอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร เคารพกติกา

วอชิงตัน 13 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี ยืนยันการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร ย้ำจุดยืนเคารพกติกา ไม่ขัดแย้ง ประเทศชาติต้องไม่เสียหาย ระบุอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น มั่นใจหลังเปิดประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะพุ่งสูงขึ้น 2-5 ล้านคน ในช่วงปลายปี


วันนี้ (12 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะกับผู้แทนสมาคมชมรมคนไทยในกรุงวอชิงตัน ดีซี และเมืองใกล้เคียง รวมทั้งหัวหน้าสำนักงานและข้าราชการ หน่วยงานทีมประเทศไทย พร้อมครอบครัว ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง อยากพูดคุยและขอบคุณที่ร่วมเป็นกำลังใจในการทำงาน และจากนี้จะต้องไปพูดคุยอีกหลายเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะไทยมีเอกภาพในอาเซียน ถือเป็นแกนกลางของอาเซียน และเติบโตอย่างรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ขอให้ทำหน้าที่ทดแทนแผ่นดินเกิด และตอบแทนประเทศสหรัฐฯ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ ต้องเคารพกฎหมาย และหากมีโอกาสให้กลับไปพัฒนาประเทศไทย พร้อมขอให้ดูแลบุตรหลานไม่ให้ลืมบ้านเกิดเมืองนอน โดยยอมรับว่า โลกดิจิทัลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และหลายอย่างเกิดความวุ่นวาย การทำงานของรัฐบาลจึงไม่ง่าย ดังนั้นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการเสพข่าว และเชื่อข่าวสารต่างๆ ตนเองทำงานมาหลายปี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยความอดทน เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นที่สุด จึงอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ ย้ำทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด โดยยึดเป้าหมายว่า ทุกอย่างต้องเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศ ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือตระกูล ยืนยันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว รับราชการมาและเกษียณอย่างภาคภูมิใจ มาอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่มาประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ หลายคนจับตาว่า นายกรัฐมนตรีจะพูดอะไร และจะเลือกอยู่ข้างไหน ซึ่งยืนยันได้ว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศไทยจะไม่เสียหาย เคารพกติกา และไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ทุกอย่างขอให้ว่าไปตามหลักการ

และเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่มาประชุม ส่วนความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยาวนานกว่า 200 ปี ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ เท่านั้น โดยจะมีการพูดคุยด้านความร่วมมือที่หลากหลายมิติ ทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังโควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้จะเจอกับผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำอาเซียน และสิ่งสำคัญที่เชิญรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาด้วย เพราะจะมีการพูดคุยกับภาคธุรกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เชิญชวนให้ลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพราะยอดผู้ติดเชื้อของไทยเริ่มลดลงต่ำกว่าหมื่นติดต่อกันหลายวัน และไทยรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งหลายคนกลัว แต่ตนเองฉีดมา 4 เข็มแล้ว โดยช่วงหนึ่งของการพูดคุย นายกฯ ได้สอบถามคนไทยในสหรัฐฯ ว่า กลัวติดเชื้อโควิด-19 กันหรือไม่ พร้อมระบุว่า เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งไทยได้รับคำชื่นชมที่ไทยบริหารจัดการได้ในระดับต้นของโลก บางอย่างเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ผ่านมาต้องกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย ยอดผู้ติดเชื้อถึงลดลง อาจจะลำบาก แต่จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากขึ้น ไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว หลายประเทศใช้ไทยเป็นต้นแบบ และตอนนี้ได้เริ่มเปิดให้เดินทางผ่านชายแดนแล้ว และข่าวดีคือการท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อวันหลายหมื่นคน คาดว่าในช่วงปลายปีนี้อาจจะขึ้นไปถึง 2-5 ล้านคน หากไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นอีก อาจจะอยู่ที่ 5-10 ล้านคน


นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ปัญหาทุกวันนี้มีอยู่มาก ทั้งความขัดแย้ง การค้า การลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน ส่วนเรื่องพลังงาน มีการเปลี่ยนผ่านใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนให้มากขึ้น ซึ่งจะเน้นย้ำและผลักดันต่อที่ประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ในประเด็นนี้ด้วย ขณะที่การพบนักธุรกิจสหรัฐฯ จะมีการพูดคุยเรื่องการเสริมสร้างการลงทุนในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน ซึ่งน่ายินดีที่นักธุรกิจสหรัฐฯ ไปลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในประเทศของเรา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมี soft power ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การถ่ายทำภาพยนตร์ กีฬา มวยไทย และที่สำคัญที่สุด คือ ยิ้มสยาม ซึ่งอาจหายไปในช่วงใส่หน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ในปี 2565 ซึ่งจะเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG โดยชาวไทยจะได้ต้อนรับผู้แทนเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งปี รวมทั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 จะได้ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ อีกทั้งจะเป็นโอกาสได้พูดคุยกับประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจที่จะเป็นโอกาสในการผลักดันให้มีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไทยในต่างประเทศ และพยายามพบปะพูดคุยทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทาง จึงหวังที่จะเห็นความสมัครสมาน สามัคคี และการช่วยเหลือเอื้ออาทร โดยยินดีที่ชุมชนไทยในสหรัฐฯ จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลพร้อมจะให้ความช่วยเหลือดูแลชุมชนไทยอย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณชุมชนไทยที่ให้กำลังใจ และร่วมกันจนเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการพบปะพูดคุยในวันนี้ พร้อมขอให้เชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังคงเดินหน้าทำงานขับเคลื่อนประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

รวบ 19 คนไทยรับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

15 พ.ค.- เปิดปฏิบัติการ “The Scam เงินแท้ คนเก๊” รวบ 19 คนไทยขายชาติ รับจ้างกดเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์รวม 6.6 ล้านบาท พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ร่วมแถลงข่าว กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งสายที่ 1 อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ มีพัสดุมาส่ง จากนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (สายที่ 2) เมื่อผู้เสียหายโทรกลับไป อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองคลัง โดยให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายสั่ง อ้างเพื่อเพิ่มเงินบำนาญ โดยได้หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกจำนวน 720,000 บาท และต่อมาได้มีสายที่ 3 โทรเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าการทำธุรกรรมที่ได้ทำไปก่อนหน้านั้นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอก เป็นเหตุให้ต้องระงับบัญชี และให้ทำตามขั้นตอนจากธนาคารแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำให้ต้องโอนเงินไปอีกเป็นจำนวน 6 ครั้ง แต่มาทราบภายหลังว่าสุดท้ายเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีทุกบัญชีของตนเองไปยังบัญชีของคนร้าย รวมความเสียหายทั้งหมด 3,942,767 บาท พฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ร่วมกันกระทำความผิดเป็นกระบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อมูล […]

นายกฯ เยือนเวียดนามวันแรก เดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ

เวียดนาม 15 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าความร่วมมือสองประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและเทคโนโลยี.-สำนักข่าวไทย

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

ยังปิดล้อม! เหตุชายคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า จ่อปรับยุทธวิธี

15 พ.ค.- ยังปิดล้อม! เหตุชายคลุ้มคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้า ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร. รุดลงพื้นที่ เน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ เตรียมปรับยุทธวิธีระงับเหตุ เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าและยิงใส่เจ้าหน้าที่ ภายในบ้านพักหลังวัดลครทำ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดย พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า จะเข้าไปพูดคุยกับทาง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นยังเน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ ซึ่งจะยังไม่มีการยกระดับมาตรการหรือยุทธวิธีใดๆ ยึดการเจรจาเป็นหลักแม้สถานการณ์จะล่วงเลยมานานกว่า 9 ชั่วโมง แต่ยืนยันว่าทุกอย่างยังอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ส่วนกรณีชาวบ้านหลายครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านของผู้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นจะหารือกับทาง พล.ต.ท.สยาม เรื่องมาตรการเยียวยา ตำรวจเตรียมปรับยุทธวิธีระงับผู้ก่อเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง พร้อมให้ข้อมูลว่า ตอนนี้กำลังให้แม่ของผู้ก่อเหตุเข้าไปเจรจาอยู่ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธและมอบตัว ตอนนี้ผู้ก่อเหตุได้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน แต่ท่าทีโดยรวมของผู้ก่อเหตุเย็นลง อาการคลุ้มคลั่งก็ลดลงด้วย หากการเจรจาไม่เป็นผลหลังจากนี้อาจจะมีการปรับยุทธวิธีต่อไป -420 .-สำนักข่าวไทย