นายกฯ ยันร่วมถกอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร เคารพกติกา

วอชิงตัน 13 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี ยืนยันการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร ย้ำจุดยืนเคารพกติกา ไม่ขัดแย้ง ประเทศชาติต้องไม่เสียหาย ระบุอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น มั่นใจหลังเปิดประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะพุ่งสูงขึ้น 2-5 ล้านคน ในช่วงปลายปี


วันนี้ (12 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะกับผู้แทนสมาคมชมรมคนไทยในกรุงวอชิงตัน ดีซี และเมืองใกล้เคียง รวมทั้งหัวหน้าสำนักงานและข้าราชการ หน่วยงานทีมประเทศไทย พร้อมครอบครัว ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง อยากพูดคุยและขอบคุณที่ร่วมเป็นกำลังใจในการทำงาน และจากนี้จะต้องไปพูดคุยอีกหลายเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะไทยมีเอกภาพในอาเซียน ถือเป็นแกนกลางของอาเซียน และเติบโตอย่างรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ขอให้ทำหน้าที่ทดแทนแผ่นดินเกิด และตอบแทนประเทศสหรัฐฯ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ ต้องเคารพกฎหมาย และหากมีโอกาสให้กลับไปพัฒนาประเทศไทย พร้อมขอให้ดูแลบุตรหลานไม่ให้ลืมบ้านเกิดเมืองนอน โดยยอมรับว่า โลกดิจิทัลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และหลายอย่างเกิดความวุ่นวาย การทำงานของรัฐบาลจึงไม่ง่าย ดังนั้นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการเสพข่าว และเชื่อข่าวสารต่างๆ ตนเองทำงานมาหลายปี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยความอดทน เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นที่สุด จึงอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ ย้ำทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด โดยยึดเป้าหมายว่า ทุกอย่างต้องเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศ ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือตระกูล ยืนยันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว รับราชการมาและเกษียณอย่างภาคภูมิใจ มาอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่มาประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ หลายคนจับตาว่า นายกรัฐมนตรีจะพูดอะไร และจะเลือกอยู่ข้างไหน ซึ่งยืนยันได้ว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศไทยจะไม่เสียหาย เคารพกติกา และไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ทุกอย่างขอให้ว่าไปตามหลักการ

และเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่มาประชุม ส่วนความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยาวนานกว่า 200 ปี ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ เท่านั้น โดยจะมีการพูดคุยด้านความร่วมมือที่หลากหลายมิติ ทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังโควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้จะเจอกับผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำอาเซียน และสิ่งสำคัญที่เชิญรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาด้วย เพราะจะมีการพูดคุยกับภาคธุรกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เชิญชวนให้ลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพราะยอดผู้ติดเชื้อของไทยเริ่มลดลงต่ำกว่าหมื่นติดต่อกันหลายวัน และไทยรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งหลายคนกลัว แต่ตนเองฉีดมา 4 เข็มแล้ว โดยช่วงหนึ่งของการพูดคุย นายกฯ ได้สอบถามคนไทยในสหรัฐฯ ว่า กลัวติดเชื้อโควิด-19 กันหรือไม่ พร้อมระบุว่า เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งไทยได้รับคำชื่นชมที่ไทยบริหารจัดการได้ในระดับต้นของโลก บางอย่างเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ผ่านมาต้องกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย ยอดผู้ติดเชื้อถึงลดลง อาจจะลำบาก แต่จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากขึ้น ไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว หลายประเทศใช้ไทยเป็นต้นแบบ และตอนนี้ได้เริ่มเปิดให้เดินทางผ่านชายแดนแล้ว และข่าวดีคือการท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อวันหลายหมื่นคน คาดว่าในช่วงปลายปีนี้อาจจะขึ้นไปถึง 2-5 ล้านคน หากไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นอีก อาจจะอยู่ที่ 5-10 ล้านคน


นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ปัญหาทุกวันนี้มีอยู่มาก ทั้งความขัดแย้ง การค้า การลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน ส่วนเรื่องพลังงาน มีการเปลี่ยนผ่านใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนให้มากขึ้น ซึ่งจะเน้นย้ำและผลักดันต่อที่ประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ในประเด็นนี้ด้วย ขณะที่การพบนักธุรกิจสหรัฐฯ จะมีการพูดคุยเรื่องการเสริมสร้างการลงทุนในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน ซึ่งน่ายินดีที่นักธุรกิจสหรัฐฯ ไปลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในประเทศของเรา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมี soft power ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การถ่ายทำภาพยนตร์ กีฬา มวยไทย และที่สำคัญที่สุด คือ ยิ้มสยาม ซึ่งอาจหายไปในช่วงใส่หน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ในปี 2565 ซึ่งจะเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG โดยชาวไทยจะได้ต้อนรับผู้แทนเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งปี รวมทั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 จะได้ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ อีกทั้งจะเป็นโอกาสได้พูดคุยกับประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจที่จะเป็นโอกาสในการผลักดันให้มีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไทยในต่างประเทศ และพยายามพบปะพูดคุยทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทาง จึงหวังที่จะเห็นความสมัครสมาน สามัคคี และการช่วยเหลือเอื้ออาทร โดยยินดีที่ชุมชนไทยในสหรัฐฯ จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลพร้อมจะให้ความช่วยเหลือดูแลชุมชนไทยอย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณชุมชนไทยที่ให้กำลังใจ และร่วมกันจนเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการพบปะพูดคุยในวันนี้ พร้อมขอให้เชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังคงเดินหน้าทำงานขับเคลื่อนประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย