นายกฯ ยันร่วมถกอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร เคารพกติกา

วอชิงตัน 13 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี ยืนยันการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ไม่เข้าข้างใคร ย้ำจุดยืนเคารพกติกา ไม่ขัดแย้ง ประเทศชาติต้องไม่เสียหาย ระบุอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น มั่นใจหลังเปิดประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะพุ่งสูงขึ้น 2-5 ล้านคน ในช่วงปลายปี


วันนี้ (12 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะกับผู้แทนสมาคมชมรมคนไทยในกรุงวอชิงตัน ดีซี และเมืองใกล้เคียง รวมทั้งหัวหน้าสำนักงานและข้าราชการ หน่วยงานทีมประเทศไทย พร้อมครอบครัว ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง อยากพูดคุยและขอบคุณที่ร่วมเป็นกำลังใจในการทำงาน และจากนี้จะต้องไปพูดคุยอีกหลายเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะไทยมีเอกภาพในอาเซียน ถือเป็นแกนกลางของอาเซียน และเติบโตอย่างรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ขอให้ทำหน้าที่ทดแทนแผ่นดินเกิด และตอบแทนประเทศสหรัฐฯ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ ต้องเคารพกฎหมาย และหากมีโอกาสให้กลับไปพัฒนาประเทศไทย พร้อมขอให้ดูแลบุตรหลานไม่ให้ลืมบ้านเกิดเมืองนอน โดยยอมรับว่า โลกดิจิทัลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และหลายอย่างเกิดความวุ่นวาย การทำงานของรัฐบาลจึงไม่ง่าย ดังนั้นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการเสพข่าว และเชื่อข่าวสารต่างๆ ตนเองทำงานมาหลายปี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยความอดทน เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นที่สุด จึงอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ ย้ำทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด โดยยึดเป้าหมายว่า ทุกอย่างต้องเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศ ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือตระกูล ยืนยันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว รับราชการมาและเกษียณอย่างภาคภูมิใจ มาอยู่การเมืองด้วยความจำเป็น


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่มาประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ หลายคนจับตาว่า นายกรัฐมนตรีจะพูดอะไร และจะเลือกอยู่ข้างไหน ซึ่งยืนยันได้ว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศไทยจะไม่เสียหาย เคารพกติกา และไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ทุกอย่างขอให้ว่าไปตามหลักการ

และเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่มาประชุม ส่วนความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ยาวนานกว่า 200 ปี ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ เท่านั้น โดยจะมีการพูดคุยด้านความร่วมมือที่หลากหลายมิติ ทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังโควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้จะเจอกับผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำอาเซียน และสิ่งสำคัญที่เชิญรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาด้วย เพราะจะมีการพูดคุยกับภาคธุรกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เชิญชวนให้ลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพราะยอดผู้ติดเชื้อของไทยเริ่มลดลงต่ำกว่าหมื่นติดต่อกันหลายวัน และไทยรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งหลายคนกลัว แต่ตนเองฉีดมา 4 เข็มแล้ว โดยช่วงหนึ่งของการพูดคุย นายกฯ ได้สอบถามคนไทยในสหรัฐฯ ว่า กลัวติดเชื้อโควิด-19 กันหรือไม่ พร้อมระบุว่า เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งไทยได้รับคำชื่นชมที่ไทยบริหารจัดการได้ในระดับต้นของโลก บางอย่างเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ผ่านมาต้องกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย ยอดผู้ติดเชื้อถึงลดลง อาจจะลำบาก แต่จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากขึ้น ไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว หลายประเทศใช้ไทยเป็นต้นแบบ และตอนนี้ได้เริ่มเปิดให้เดินทางผ่านชายแดนแล้ว และข่าวดีคือการท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อวันหลายหมื่นคน คาดว่าในช่วงปลายปีนี้อาจจะขึ้นไปถึง 2-5 ล้านคน หากไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นอีก อาจจะอยู่ที่ 5-10 ล้านคน


นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ปัญหาทุกวันนี้มีอยู่มาก ทั้งความขัดแย้ง การค้า การลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน ส่วนเรื่องพลังงาน มีการเปลี่ยนผ่านใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนให้มากขึ้น ซึ่งจะเน้นย้ำและผลักดันต่อที่ประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ในประเด็นนี้ด้วย ขณะที่การพบนักธุรกิจสหรัฐฯ จะมีการพูดคุยเรื่องการเสริมสร้างการลงทุนในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน ซึ่งน่ายินดีที่นักธุรกิจสหรัฐฯ ไปลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เพราะเชื่อมั่นในประเทศของเรา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมี soft power ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การถ่ายทำภาพยนตร์ กีฬา มวยไทย และที่สำคัญที่สุด คือ ยิ้มสยาม ซึ่งอาจหายไปในช่วงใส่หน้ากากอนามัย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ในปี 2565 ซึ่งจะเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG โดยชาวไทยจะได้ต้อนรับผู้แทนเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งปี รวมทั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 จะได้ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ อีกทั้งจะเป็นโอกาสได้พูดคุยกับประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจที่จะเป็นโอกาสในการผลักดันให้มีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไทยในต่างประเทศ และพยายามพบปะพูดคุยทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทาง จึงหวังที่จะเห็นความสมัครสมาน สามัคคี และการช่วยเหลือเอื้ออาทร โดยยินดีที่ชุมชนไทยในสหรัฐฯ จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลพร้อมจะให้ความช่วยเหลือดูแลชุมชนไทยอย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณชุมชนไทยที่ให้กำลังใจ และร่วมกันจนเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการพบปะพูดคุยในวันนี้ พร้อมขอให้เชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังคงเดินหน้าทำงานขับเคลื่อนประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย