ทำเนียบ 11 พ.ค.-“พล.อ.ประวิตร”กำชับทุกหน่วยร่วมใช้แผนปฎิบัติการปราบค้ามนุษย์ มั่นใจยกระดับไทยขึ้นเป็นเทียร์ 2 ในปีนี้ เผย จับกุมคดีค้ามนุษย์สูงกว่าปี 2563 ถึง 188 คดี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 รวมทั้งแถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกส่วนราชการได้ผนึกกำลังเพื่อผลักดันให้ผลงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยก้าวหน้าเป็นที่ประจักษ์ โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ แนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการคดี และการกำกับและติดตามแผนปฏิบัติการฯ รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นกรอบแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ IOM นับว่าประเทศไทยเป็นต้นแบบในภูมิภาคอาเซียน
จากนั้น พล.อ.ประวิตร แถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาล ว่าในปี 2564 รัฐบาลได้พยายามสืบสวนปราบปรามทางสื่อออนไลน์ และสกัดจับการลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) ทำให้มีผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์เพิ่มมากขึ้น จากปี 2563 จาก 133 คดี เพิ่มขึ้นเป็น 188 คดี และในช่วง เม.ย. 64 – มี.ค.65 ได้ขับเคลื่อนการทำงานตามข้อเสนอแนะในรายงานทิพรีพอร์ต (2021 US TIP Report) จนสำเร็จครบทั้ง 15 ข้อ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ริเริ่มโครงการสำคัญ อีก 4 โครงการ ได้แก่ 1.จัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วย กลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ. 2565 2.จัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ระดับประเทศ 3.จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ และ 4.ออกมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันเด็กจากการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในไทยระดับสากลอย่างยั่งยืนและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอเน้นย้ำให้มีการทำงานร่วมกับองค์กร NGOs องค์กรภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จที่ขับเคลื่อนงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทุกหน่วยต้องปรับรูปแบบการทำงานวิถีใหม่ โดยย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม NGOs ผสานความร่วมมือดำเนินการในกรอบเวลาที่กำหนด หากพิจารณาจากผลงานที่ก้าวหน้าไปมากของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะได้รับพิจารณาจัดอันดับดีขึ้น เป็นเทียร์ 2 ในปี 2565
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า รัฐบาลตระหนักถึงความร้ายแรงของอาชญกรรมค้ามนุษย์ โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ปี 58 ขับเคลื่อนทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องมา โดยเฉพาะการดำเนินการแก้ปัญหามิติต่างๆ ตามข้อเสนอแนะในทริปรีพอร์ต โดยเฉพาะปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบออนไลน์.-สำนักข่าวไทย.