ทำเนียบรัฐบาล 6 พ.ค.-นายกฯ พอใจสถานการณ์ท่องเที่ยวแนวโน้มดี ขอช่วยกันรักษาบ้านเมืองให้สงบ ปลอดโควิด เตรียมหาช่องทางช่วยผู้ประกอบการโรงแรม กำลังพิจารณาคนละครึ่งเฟส 5
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบศ. ว่า วันนี้ค่อนข้างสบายใจขึ้นเพราะช่วงนี้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่า ไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 1 ปี 66 ถ้ารักษาสถานภาพไว้ได้จะเป็นเรื่องที่ดี จึงขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนช่วยระมัดระวัง ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ความขัดแย้งต่าง ๆ ต้องลดลง และมีความปลอดภัยจากโควิดด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมหารือเรื่องการท่องเที่ยวระยะยาว เพื่อเตรียมจัดงานการท่องเที่ยว Expo ที่จ.ภูเก็ต ในช่วงปี 2571 ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมการวางแผนล่วงหน้า เพื่อจะได้รับการอนุมัติให้สามารถจัดที่ประเทศไทยได้ และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงหารือเรื่องการถ่ายทำภาพยนต์เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศ และหาแนวทางให้คนต่างชาติเข้ามาใช้เงินในประเทศให้มากยิ่งขึ้น พำนักในประเทศนานขึ้น และให้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำให้คนไทยเดือดร้อน นอกจากนี้ที่ประชุมหารือการให้ความช่วยเหลือห่วงโซ่ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว หลายโรงแรมต้องการปรับปรุงสถานที่ในช่วงที่ปิดกิจการไป ต้องเข้าไปดูว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง โดยจะหารือกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องและมีเงินหมุนเวียนให้โรงแรมนำไปปรับปรุง
“ทุกโครงการที่รัฐบาลทำไป มีเจตนามุ่งหวังให้ถึงมือประชาชนจริง ๆ และรัฐบาลพยายามอุดรูรั่วและช่องว่างต่าง ๆ ให้มากที่สุด ขออย่าไปเชื่อคำบิดเบือนต่าง ๆ ซึ่งวันนี้มีข่าวว่าร้านค้าโครงการ คนละครึ่งถูกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งไม่จริง เพราะหากรายได้ไม่ถึงจะเก็บภาษีได้อย่างไร และไม่สามารถเก็บภาษีย้อนหลังได้ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ต้องการให้ทุกคนใช้จ่ายและส่งผลดีไปยังผู้ผลิตด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 5 รัฐบาลจะดำเนินการต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งต้องศึกษาว่าทำอย่างไรให้ทั่วถึงเหมือนเดิมหรือไม่ ต้องดูถึงความเดือดร้อน เพราะทุกครั้งที่มีโครงการออกไปให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ซึ่งใช้เงิน 4-5 หมื่นล้านบาททุกครั้ง แต่ในขณะนี้งบประมาณเริ่มน้อยลง จึงต้องดูว่าจะทำได้แค่ไหน.-สำนักข่าวไทย