พรรคเพื่อไทย 25 เม.ย.- “สุรพล” เชื่อคำพิพากษาศาล จะเป็นบทเรียนให้ กกต.พิจารณาคดีรอบคอบ ด้านหมอชลน่าน จี้แก้ รธน.ตัดอำนาจ กกต.แจกใบส้ม ขอ “วิษณุ” ดูคำพิพากษาศาลชัดเหตุใด กกต.แพ้คดี ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค และนายสุรพล เกียรติไชยากร ร่วมกันแถลงถึงกรณีศาลมีคำสั่งให้ ก.ก.ต. ชดใช้ค่าเสียหาย 64 ล้านบาท แก่ นายสุรพล เกียรติไชยากร
โดยนายสุรพล กล่าวว่า หลังจากที่ กกต.ให้ใบส้ม ตนได้พยายามชี้แจง กกต. ว่า เนื่องในวันเกิด ได้ถวายเงินค่าบูชาเทียนจำนวน 2,000 บาทให้วัด ตามความเชื่อของคนภาคเหนือ ซึ่งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ครูบาได้ทำเทียนมาให้เพื่อเป็นสิริมงคล โดยที่ผ่านมาได้พยายามชี้แจง แต่ กกต.ไม่รับฟัง และได้ให้ใบส้ม ที่ถือเป็นใบแรกของประเทศ ทำให้เสียสิทธิทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร ในฐานะที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย และ กกต. ได้ฟ้องศาลให้ตัวเองชดใช้เงินค่าจัดการเลือกตั้งจำนวน 9.6 ล้านบาท และแจกใบแดง ตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งยกคำร้อง ซึ่งแปลว่าตนเองไม่มีความผิด แต่ กกต.กลับนิ่งเฉย ไม่เยียวยาและไม่คืนสิทธิให้กับตน ดังนั้นจึงยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ศาลแพ่งจังหวัดฮอด จนมีคำพิพากษาให้ กกต.ชดใช้ค่าเสียหาย 64.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งการที่ศาลทำคำสั่งออกมาเช่นนี้ถือเป็นการกู้ศักดิ์ศรีความยุติธรรมกลับคืนมา และเชื่อว่า คำพิพากษาของศาล จะเป็นบทเรียนให้ กกต. และเป็นบรรทัดฐานของการเลือกตั้ง ส.ส. โดยหลังจากนี้จะขอปรึกษากับทีมกฎหมาย และทนายก่อนว่าจะดำเนินคดีอาญาหรือไม่
ด้าน นพ.ชลน่าน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่คืนความเป็นธรรมให้นายสุรพล อดีต ส.ส. 8 สมัย ทั้งที่ควรเป็น ส.ส. สมัยที่ 9 และได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนจำนวนมาก พร้อมมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากจะเกิดความเสียหายให้นายสุรพลแล้ว ยังส่งผลเสียหายกับพรรคเพื่อไทยที่เสีย ส.ส. 1 คนไป ซึ่งเป็นความเสียหายอย่างมากในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แม้พรรคจะได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับ 1 แต่ด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญที่ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้พรรคเพื่อไทยขาดโอกาสรับใช้ประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ต้องโทษบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับ กกต. ใช้เพียงหลักการพิจารณา เพียงแค่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ก็พิจารณาให้ใบส้ม และตัดสิทธิการเลือกตั้ง พร้อมเชื่อว่า กกต. คงไม่มีเจตนาทำร้ายใคร และไม่ได้โทษ กกต. แต่โทษรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ กกต. จึงเห็นควรเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะยกเลิกการให้อำนาจ กกต. แบบล้นเกิน ในการแจกใบส้ม ทั้งที่ควรจะเป็นอำนาจของศาล ส่วนการดำเนินคดีอาญา ขึ้นอยู่กับนายสุรพล แต่มองว่า คดียังไม่สิ้นสุด เชื่อว่า กกต. จะยื่นอุทธรณ์ และยังเชื่อว่าจะส่งผลกับการเลือกตั้งครั้งหน้า และในอนาคต กกต. จะต้องตระหนักอย่างรอบคอบ
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนเหนือ คำว่าบูชาเทียนเป็นพิธีกรรมตามความเชื่อ เพื่อเสริมโชคชะตาราศี เป็นการต่ออายุ และคนที่ทำพิธีคือพระที่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง และไม่ได้ทำพิธีต่อหน้าสาธารณชน เมื่อศาลพิจารณาจึงยกคำร้อง อีกทั้งศาลเห็นว่าการกระทำของ กกต. มิได้เป็นที่ประจักษ์ มิได้เป็นการกระทำโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเลือกตั้ง จึงตอบคำถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าเหตุใด กกต. จึงแพ้คดี
ขณะที่การแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม ที่ผ่านมา กกต. ไม่รับฟังเสียงของประชาชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน จนทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ไม่เคารพและไม่สะท้อนเจตนารมย์ที่แท้จริงของประชาชน การแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า กกต.ต้องระมัดระวัง รับฟังเสียงของประชาชนและยึดตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด.-สำนักข่าวไทย