สำนักงานกกต. 18 เม.ย.-“ศรีสุวรรณ” ร้องเลขาฯ กกต.สั่ง ปชป.จัดการ “ปริญญ์” ขั้นเด็ดขาด ชี้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุชัด ถ้า กก.บห.เพิกเฉย ถูกสั่งพ้นตำแหน่งยกชุด
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายพรรคการเมือง 2560 แจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเด็ดขาดตามข้อบังคับพรรค สืบเนื่องจากกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่ากระทำอนาจารกับหญิงสาวหลายราย รวมทั้งข่มขืนกระทำชำเราด้วย ซึ่งรองหัวหน้าพรรคพรรคคนดังกล่าวได้แสดงสปิริตลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้บ่งบอกว่าลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้าง มาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีข้อบังคับพรรค พ.ศ.2561 กำหนดไว้ชัดเจนว่าพรรคดำรงตามระเบียบ กฏเกณฑ์ กฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด และมีจารีตประเพณี บทบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจริยธรรมไว้ให้สมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ รวมทั้งในข้อ 19 กำหนดไว้พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกพรรค โดยไม่ให้สมาชิกของพรรคละเมิดกฎหมาย ข้อบังคับพรรคและระเบียบอื่นใดที่กกต.กำหนด” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริยธรรม ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่คณะกรรมการบริหารพรรคกลับเพิกเฉยและพยายามอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องของพรรค ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเหตุที่เกิดขึ้นหากปรากฏว่าเป็นจริงก็อยู่ในช่วงเวลาที่รองหัวหน้าพรรคคนดังกล่าวมีตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมาตรา 22 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ระบุไว้ชัดเจนว่าพรรคการเมืองจะต้องควบคุมดูแลมวลสมาชิก และคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ให้ละเมิดรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับพรรค รวมทั้งประกาศอื่นใดของกกต.
“เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ได้สดับรับฟังว่าทางคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการอย่างใดต่อผู้ที่ละเมิดข้อบังคับหรือไม่ แต่เท่าที่ผ่านมาหลายวัน ทั้งหัวหน้าพรรค โฆษกพรรค กรรมการบริหารพรรคไม่ได้พูดถึงเรื่องเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวเลย แต่กลับภาคเสธว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของรองหัวหน้าพรรคคนดังกล่าว ซึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 22 ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นหน้าที่ของเลขาธิการกกต.ที่จะต้องแจ้งพรรคการเมืองนั้น ๆ ให้รีบยุติการกระทำดังกล่าว และกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้สมาชิกพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรคดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอีก” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า มาตรา 22 วรรค 3 ระบุว่าหากเลขาธิการกกต.แจ้งไปยังพรรคการเมืองดังกล่าวแล้วยังเพิกเฉยและไม่ดำเนินการใด ๆ เลขาธิการกกต.มีอำนาจหน้าที่เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังกกต.เพื่อให้สั่งเพิกถอนให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดพ้นจากตำแหน่งได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ต่อพรรคการเมือง วันนี้องค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงมายื่นคำร้องต่อกกต.และเลขาธิการ กกต. เพื่อให้ดำเนินการ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มเปิดคลิปเสียงหญิงสาว ซึ่งปรากฏเสียงฝ่ายชายตัดพ้อว่าถูกกลั่นแกล้งจากพรรคก้าวไกล นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลต่อไปว่าจะเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองที่ถูกระบุในคลิปดังกล่าวหรือไม่ หากมีความชัดเจนและเกี่ยวพันกับเรื่องนี้โดยตรงก็อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลจริยธรรมหรือมาตรฐานทางจริยธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งอาจสร้างความเสื่อมเสียต่อตำแหน่งนักการเมืองคนนั้นหรือพรรคการเมืองนั้น ซึ่งทางสมาคมฯ จะมายื่นป.ป.ช.ให้ไต่สวนเพื่อวินิจฉัยเอาผิดต่อไปได้
“การเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจจะมีคู่กรณีหลายฝ่ายที่อาจกลั่นแกล้งกันได้ ดังนั้น การตรวจสอบต้องมีความละเอียด รอบคอบ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าพี่น้องสื่อมวลชนและสาธารณชนเองก็ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้กันมากอยู่แล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้นและความจริงก็คือความจริง ถ้าความจริงปรากฏแล้ว หากเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนจริยธรรม ฝ่าฝืนกฎหมาย ทางสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญจะดำเนินการให้ถึงที่สุดต่อไป
ส่วนพรรคการเมืองที่ถูกพาดพิงควรดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พรรคต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสมาชิกและคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งประชาชน จะอยู่นิ่งเฉยแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบไปตามกระแสคลื่นคงไม่ได้ ควรตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามคลิปหรือเป็นไปตามที่สื่อมวลชน หรือโซเชียลมีเดียรายงานหรือไม่ ไม่ใช่ปล่อยวิพากษ์วิจารณ์กันไปมาในโซเชียลมีเดีย ทวิตเตอร์ ซึ่งไม่ถูกต้อง แต่ต้องทำเรื่องนี้ให้มีข้อยุติเพื่อที่สาธารณชนจะได้เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องตัดแต่งเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย