ทำเนียบรัฐบาล 18 เม.ย.- “อนุทิน” เผย ต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดสองสัปดาห์หลังสงกรานต์ หวังไม่พุ่งสูงมาก ยืนยันเตรียมพร้อมด้านสธ.รับมือไว้แล้ว ย้ำ 1 ก.ค. ยังไม่เป็นโรคประจำถิ่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าเตรียมความพร้อมทั้งเวชภัณฑ์ ยา ไว้รองรับสถานการณ์โควิดหลังเทศกาลสงกรานต์แล้ว โดยเฉพาะยาฟาวิพิราเวียร์ ส่วนมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมที่จะเสนอที่ประชุมศบค. มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายเพื่อให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจเดินต่อไปได้ทุกบริบท รวมถึงการประกอบอาชีพ ทำมาหากินและความสะดวกของประชาชน โดยไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
“กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้ยกเลิการตรวจ RT-PCR นักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทย ยอมรับว่าเป็นข้อเสนอต้องทำในวันข้างหน้า แต่เกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนก จึงอยากให้ผ่านช่วงเทศการสงกรานต์ไปก่อน หากผ่านเทศกาลสงกรานต์ไปได้ ไม่มีอะไรเกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข จำเป็นต้องหามาตรการผ่อนคลายให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การที่สาธารณสุขวางแผนให้โควิด -19 เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค. นี้ จะประเมินทั้งตัวเลขและอัตราส่วนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความแตกต่างกันมาก เนื่องจาก 3-4 เดือนที่ผ่านมายังเป็นอัตราส่วนที่เป็นไปตามหลักสากล ยืนยันว่าในวันที่ 1 ก.ค.นี้ยังไม่ประกาศเป็นโรคประจำถิ่น แต่เป็นการเตรียมการไว้เท่านั้น หากทำได้จริงจะดำเนินการทันที
“จะไปกะเกณฑ์ในเรื่องนี้มากไม่ได้ แต่ขอให้ทุกส่วนมีความพร้อมทุกด้านไว้ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนรายละเอียดว่าจะประกาศพร้อมกันทั่วประเทศ หรือเป็นพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่เห็นว่าแต่ละจังหวัดจะต้องมีข้อกำหนดในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพยายามทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสงกรานต์ที่ผ่านมา บุคลากรด้านสาธารณสุขไม่ได้หยุดพัก เพราะต้องคอยดูแลประชาชน ล่าสุดจากการรายงานของอธิบดีกรมควบคุมโรคเรื่องอุบัติเหตุดีกว่าปีที่ผ่านมา จึงไม่มีสิ่งไหนเกินขีดความสามารถของการให้บริการด้านสาธารณสุขไทย ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกัจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อล่าสุด ถือเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากมีการสัญจรเดินทางและใกล้ชิดกันมากขึ้น ย่อมเป็นจุดเสี่ยงการติดเชื้อ แต่เมื่อฉีดวัคซีน แม้เป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนก็จะน่าจะรับมือได้ในขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งส่วนตัวหวังให้เป็นเช่นนั้น แต่ต้องจับตาในห้วงสองสัปดาห์หลังจากนี้ ถึงจะวางใจได้.-สำนักข่าวไทย