พลหลโยธิน 52 7 เม.ย.-“น.ต.ศิธา” ขอโทษถ้าป้ายหาเสียงทับที่ผู้สมัครอื่น เชื่อเจ้าหน้าไม่มีเจตนา ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัย อย่ามองเป็นประเด็นการเมือง มองนายกฯ ลงพื้นที่ถี่ ถ้าไม่ใช้ตำแหน่งช่วยใครหาเสียง
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เบอร์11 พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองหนึ่งระบุว่าป้ายหาเสียงถูกปลดและถูกติดทับแทนที่จนถูกมองว่าเชื่อมโยงประเด็นการทำลายป้าย ว่า เท่าที่เห็นจากภาพข่าวเข้าใจว่าเป็นป้ายของผู้สมัครจากพรรคกล้าและป้ายที่ติดแทนที่ถูกทำเบลอน่าจะเป็นป้ายของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งต้องขอโทษทุกพรรคเรื่องการติดป้ายหาเสียง และยอมรับว่าหลายเขตติดป้ายหาเสียงจำนวนมาก จึงอาจมีบางป้ายทับซ้อนกันบ้าง อยากให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ส่วนภาพข่าวที่ออกมาโดยเบลอภาพ ก็ไม่ได้เป็นการเบลอแบบจริงจัง แต่เป็นการเบลอเหมือนต้องการให้รู้ว่าเป็นใคร ให้มองว่าคนนี้มาทำลายป้ายของเขา ตนจึงขอโทษไปยังทุกพรรค หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ขอให้แจ้งเข้ามา จะไปแก้ไขให้ทุกจุด รวมถึงป้ายที่ติดตามบ้านของประชาชนบางจุดที่เจ้าของบ้านไม่อนุญาต ซึ่งส่วนสนับสนุนพยายามอบรมผู้ติดตั้งป้าย
“ป้ายหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทยเองก็ถูกทำลายหลายป้ายเช่นกัน ทั้งที่ติดแน่นหนา และมีป้ายผู้สมัครคนอื่นมาติด เราก็ไม่เคยทำให้เป็นประเด็น แต่ถ้าพบว่าเกิดขึ้นในจุดเดิมซ้ำ ๆ บ่อยครั้งคงต้องดูว่าผิดปกติหรือไม่ พร้อมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ผู้ติดตั้งป้ายไม่ได้เจตนา ต้องถ้อยทีถ้อยตอบแทนกัน หากเกิดจากความผิดพลาดจริงก็ต้องขอโทษและจะรีบแก้ไข อบรมเจ้าหน้าที่ของพรรคให้ดีขึ้น” น.ต.ศิธา กล่าว
ส่วนผู้สมัครหลายคนถูกทำลายป้ายจนถูกมองเป็นประเด็นทางการเมือง น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนไม่เคยนำวิธีนี้มาใช้ เพราะมองว่าการหาเสียงก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองกันไป หากจุดไหนที่ป้ายหาเสียงพัง เราก็มีสำรองหรือให้เจ้าหน้าที่ไปซ่อมแซม ซึ่งพรรคมีเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจดูป้ายหาเสียง ไม่เคยโยนว่าเป็นความผิดของใครหรือมองในแง่ร้ายว่าใครจะมากลั่นนแกล้ง และต้องระมัดระวังในส่วนของตัวเองไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น
น.ต.ศิธา กล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในช่วงนี้ ว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรทำ แต่ควรลงพื้นที่ลักษณะนี้ตลอดเวลา ทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการให้ทำ และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา หากทำแบบนี้มาตลอด นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ในช่วงนี้คงไม่มีปัญหา การที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ในช่วงนี้ถือเป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรี
“แต่กรณีที่นายกฯ ไม่เคยลงพื้นที่และยังคงคาแรกเตอร์ เมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้วลงไปดูงานที่โฟกัสเฉพาะ คนอาจจะมองได้ว่าเป็นการลงพื้นที่ไปสนับสนุนใครบางคน ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะพบกับคำติฉินนินทาได้ การจะทำต้องทำแบบเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่ต้องการคะแนนเสียงเชื่อว่าประชาชนจะเห็นและบีวิจารณญาณพิจารณา” น.ต.ศิธา กล่าว
ส่วนจะเป็นการได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองก็ต้องนำจุดแข็งหรือสิ้งที่จะได้เปรียบของตัวเองมาใช้ แต่ถ้าจุดแข็งที่มีเบียดเบียนชาวบ้านหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาคะแนนให้คนที่ตนเองสนับสนุน เชื่อว่าชาวบ้านทราบและคนไทยไม่สนับสนุนแนวทางแบบนั้น.-สำนักข่าวไทย