กรุงเทพฯ 6 เม.ย.-“ชัชชาติ” ลงพื้นที่ตลาดย่านบางแค ชูนโยบายจัดการตลาดสด ใช้ตลาด กทม. 13 แห่งนำร่อง ดูความสะอาด คัดแยกขยะ-น้ำเสีย ตั้ง คกก.ร่วมแก้ปัญหาขายของบนทางเท้า เผยแนวคิดหยุดทุกวันพุธ ไม่เชื่อคนกรุงฯ เลือกผู้ว่าจากแนวคิดการเมือง ชี้นโยบายคืออาวุธของผู้ว่าฯ ใช้แก้ปัญหา
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดบางแค และตลาดศิริเกษม ย่านพุทธมณฑลสาย 3 เพื่อสำรวจสภาพเศรษฐกิจ ปากท้องชาวบ้าน และการบริหารจัดการตลาดภายใต้การบริหารของ กทม.
จากนั้นได้ลงพื้นที่ 11 ชุมชนเขตบางแค เช่น ชุมชนสามัคคีศิริเกษม1และ2 ,ชุมชนศิริเกษมพัฒนา, ชุมชนรวมใจ50เพื่อฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน
นายชัชชาติ ระบุว่าจากการลงพื้นที่พบสภาพปัญหาในตลาดหลายด้าน เช่น เรื่องที่จอดรถส่งของ ทำให้การจราจรติดขัด กทม.ต้องเข้ามาดูแล ปัญหาทางเดินเท้าที่กลายเป็นที่ขายของ กีดขวางทางเดินและหน้าร้าน แนวคิดคือ ต้องให้ตั้งคณะกรรมการดูแลร่วมกัน โดย กทม.จะดูแลด้านความสะอาด สุขอนามัย และเรื่องจัดการน้ำเสีย
ส่วนเรื่องจะให้ตลาดหยุดทำความสะอาดทุกวันจันทร์หรือไม่ ต้องดูความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพราะมีเสียงเรียกร้องให้หยุดทุกวันพุธแทน เนื่องจากปกติคนซื้อของเยอะในวันเสาร์และอาทิตย์ การหยุดวันจันทร์ จึงอาจเป็นอุปสรรคของพ่อค้าแม่ค้า ในการเตรียมของไว้ขาย เพราะกลัวขายไม่หมด ขณะเดียวกันก็อาจพิจารณา หยุดทุก 2 อาทิตย์แทน เพื่อให้สอดคล้องกับการทำความสะอาดจริง ที่ทำทุก 2อาทิตย์
ทั้งนี้ กทม.มีตลาดในความดูแลของตัวเองรวม 13 แห่ง และอีก 20,000 แผงค้า ต้องทำเป็นตัวอย่าง เริ่มจากต้นทุนต้องไม่สูง มีการคัดแยกขยะ การดูแลความสะอาดและการจัดการน้ำเสีย ขณะเดียวกันยังมีนโนยบาย ตลาดออนไลน์ ซื้อขายของผ่าน application ซึ่งมีตัวอย่างทำสำเร็จแล้วที่ตลาดยิ่งเจริญ
นายชัชชาติ กล่าวถึงการจัดการปัญหาในชุมชน คือเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาโควิด และเรื่องสาธารณสุข ที่จะต้องมีชุมชนสาธารณสุขเข้มแข็ง ตนมีนโยบายหมอทางไกล ผ่านรถเคลื่อนที่ให้ประชาชน คุยกับหมอผ่านระบบออนไลน์แก้ปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล
นายชัชชาติ ยังระบุถึงเสียงวิจารณ์ว่าคนกรุงเทพส่วนใหญ่ ไม่เลือกผู้ว่าจากนโยบาย แต่เลือกจากแนวคิดทางการเมืองว่า ไม่เห็นด้วย เพราะนโยบายคือหลักฐานว่าหากได้รับเลือกตั้งจะต้องเดินหน้าทำทันที ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ หากไม่มีนโยบายสุดท้ายประชาชนก็ไม่รู้จะเรียกร้องอะไร เปรียบนโยบายเหมือนอาวุธของผู้ว่าฯ ใช้แก้ปัญหา
ส่วนการที่ตนลงสมัครในนามอิสระ จะสามารถทำงานร่วมกับ สก.สข. ที่มาจากพรรคการเมืองได้หรือไม่นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือความเป็นภาวะผู้นำ การรวมใจชาว กทม. ให้รับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เหมือนกับที่ตนเคยทำสมัยเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนในประเทศได้เห็น โดย กทม.มีเจ้าหน้าที่ 80,000 คน งบประมาณ 80,000 ล้านบาท จะต้องเดินไปด้วยกัน ส่วน สก. และ สข. ไม่ว่ามาจากพรรคไหนก็เป็น ส.สของคนกรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้.-สำนักข่าวไทย