พปชร.ไม่ใช่พรรคทหาร 

ทำเนียบ 4 เม.ย. – “ชัยวุฒิ” ไม่หวั่น พปชร. ติดภาพพรรคทหาร หลัง 2 อดีตนายทหารใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” ร่วมพรรค เชื่อช่วยทำงานได้ดีขึ้น


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึง การประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ และมีการปรับคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเสริมการทำงานในพรรค โดยเชื่อมั่นว่าหลังจากการปรับโครงสร้างพรรค มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเลขาธิการพรรค และมีนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ที่จะมาช่วยทำให้พรรคพลังประชารัฐสามารถทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีกรรมการบริหารพรรคมาช่วยเสริมทีม ซึ่งจะช่วยทำให้การประสานงาน ต่างๆ ดีขึ้น เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้มากยิ่งขึ้น และจะมีคะแนนนิยมที่ดีขึ้นด้วย

ส่วนที่นายสันติ ประกาศว่าจะได้ 150 เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เราประกาศตัวเลขนี้มานานแล้ว เป็นเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพล.อ.ประวิตร พูดมาก่อนแล้ว ว่าหากจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งต้องได้ 150 เสียง เพื่อผลักดันนโยบายของพรรคต่อไปหลังการเลือกตั้ง และสิ่งที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่าจะได้ 150 เสียงนั้น คือ การประเมินจากพื้นที่และ ส.ส.เขตที่มีอยู่เดิม รวมถึงผู้สมัครส.ส.ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในพรรค


สำหรับกรณีที่มี 2 อดีตนายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร เข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย จะเข้ามาช่วยทำงานเสริมในด้านใดบ้าง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทหารทั้งสองคนที่เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นทีมงานที่ช่วยงานพลเอกประวิตรอยู่แล้ว จึงมีความคุ้นเคยกันดี เมื่อเข้ามาทำงานในพรรคก็จะช่วยประสานงานเรื่องต่างๆ ให้ราบรื่นขึ้น และมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน และมีความชัดเจนมากขึ้น โดยพล.อ.ประวิตร จะทำงานเต็มที่มากขึ้นด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อถามว่า จะทำให้พรรคพลังประชารัฐถูกมองว่าเป็นพรรคทหารหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคการเมืองทุกพรรค มีแนวทางของตัวเอง ไม่ใช่ว่าเป็นพรรคทหารหรือพรรคของใคร เป็นพรรคของประชาชน ซึ่งในพรรคพลังประชารัฐก็มีสมาชิกหลากหลายอาชีพ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนในต่างจังหวัด ซึ่งหลายคนเป็นเกษตรกร จึงไม่อยากให้มองว่าเป็นทหาร.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย