ประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียง นำทัพเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง

อุดรธานี 20 มี.ค. – “แพทองธาร” ประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียง นำทัพเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขจัดระบอบเผด็จการ


ผู้สื่อข่าว รายงาน ว่าพรรคเพื่อไทยได้ระดม แกนนำพรรคและ ส.ส.ของพรรค นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่จังหวัดอุดรธานี สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่น ความใกล้ชิด ความผูกพัน ของพี่น้องประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ผ่านกระบวนการทำงานเชิงพื้นที่ของส.ส.และนโยบายของพรรคภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งยึดหลักการนี้มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย

โดย บนเวที มีการลำดับ ไล่เลียงเหตุการณ์ จากพรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทยเริ่มจาก นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ได้ขึ้นมาจากเหตุการณ์ลำดับเหตุการณ์ความเป็นมาของพรรคเพื่อไทยเริ่มจากการก่อตั้งพรรคไทยรักไทยโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า มาจากนักธุรกิจตามนั้นซึ่งตอนนั้นสัญญาได้ฉายาอัศวินคลื่นลูกที่สามและได้ใช้ประสบการณ์ใช้ประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจในการหาเสียงให้เป็นรัฐบาลและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศจนสร้างประวัติศาสตร์สามารถชำระสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนดและสามารถงบประมาณ แบบสมดุลได้ในปี 2548 และ2549 ซึ่งถือเป็นประวัติศาตร์ของประเทศไทย ที่ยังไม่มีใครทำได้มาก่อน และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองเช่นกันที่รัฐบาลสามารถอยู่ได้ครบเทอมสี่ปีจนเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่สองพรรคไทยรักไทยก็ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายเช่นกัน


จากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวถึงการถูกทำลายความบ้านของพรรคเพื่อไทยเริ่มจากการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นการปฏิวัติครั้งแรกในรอบ 15 ปี แต่อุดมการของความเป็นของความเป็นพรรคไทยรักไทยยังคงอยู่จึงยังมีการก่อตั้งพรรคพลังประชาชน โดยมีนายสมัครสุนทรรวทเป็นหัวหน้าพรรคเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งก็ยังซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จประสบความสำเร็จและถือว่าชนะการเลือกตั้งต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามด้วยจำนวนที่นั่ง 233 ที่นั่งขาดเพียง 18 ที่นั่งเปิดกลุ่มหนึ่งก็จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นโยบายต่างๆถูกสานต่อเนื่องเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค เอสเอ็มอี และกองทุนหมู่บ้าน แต่ในที่สุดพรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบอีกครั้ง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกทำลายความหวังจึงไม่อาจรับได้กับรัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงมีคนเสื้อแดงเกิดขึ้นและมีการประท้วงรัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับ จนมีเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำคือการปราบคนเสื้อแดงอย่างอำมหิตใจกลางเมือง

ขณะที่ นานแพทย์ชลน่าน ทุกคนต้องมีความหวัง สร้างอนาคตให้ลูกหลานกับบ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม ซึ่งเราไม่สามารถสร้างอนาคตให้กับลูกหลานได้ ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ แต่เราถูกแย่งอำนาจที่ประชาชนมอบให้เรา ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญ เอาเปรียบเพื่อจงใจปิดกั้นและทำลายเรา เป็นรัฐธรรมนูญที่กำจัดเพื่อไทยโดยเฉพาะ โดยอ้างเหตุผลเพียงว่าคะแนนทุกคะแนนจะต้องไม่ตกน้ำ ปล่นอำนาจเรายังไม่พอ เข้ามาบริหารประเทศ สร้างวิกฤติ สร้างความทุกข์ยาก พวกเราจนจริง เจ็บจริง ตายจริง และจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่อย่างไร ก็ ตามหัวใจดวงเดิมของไทยรักไทย ยังคงอยู่ และ วันนี้ มี DNA ของคนที่ ต้องการทำเพื่อประชาชน นั่นก็คือ นางสาวแพทองธาร

จากนั้นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่จังหวัดอุดรธานี ขอบคุณหัวหน้าเพื่อไทยที่มอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อย้อนดูแล้วก็ทำให้น้ำตาจะไหล ขณะนั้นยังไม่มีส่วนร่วมในพรรคการเมืองก็สัมผัสได้ว่าเส้นทางกลางเนืองเป็นเส้นทางที่ไม่ง่ายมีอุปสรรคมากมายเต็มไปหมด แม้ไม่ได้เข้ามาการเมืองก็ได้รับผลกระทบโดยตรง


วันนี้พรรคเพื่อไทยฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายระหว่างทางมีคนตกหล่นหายไปบ้าง เพื่อไปหาบ้านใหม่ที่รู้สึกว่าอาจจะปลอดภัยกว่าหรือบางคนอาจจะทนบาดแผลความเจ็บปวดไม่ไหว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังพร้อมจะต่อสู้ไปด้วยกัน ตนเองขอบคุณทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

ตลอด 23 ปี บนเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยประสบการณ์ถือเป็นต้นทุนสำคัญที่สุดที่มีและขอพูดด้วยความภาคภูมิใจว่ามีประสบการณ์มากกว่าพรรคการเมืองอื่นเพราะเคยเป็นรัฐบาลที่ผลิตนโยบายที่สามารถทำให้สำเร็จได้เป็นพรรคการเมืองที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวและสามารถอยู่ครบวาระได้และหลังจากครบวาระก็ยังสามารถได้รับชัยชนะอีกแต่ก็ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ให้เรียนรู้และปรับปรุงเพื่อทำให้ปัจจุบันและอนาคตดีกว่าที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้ดีกว่าเดิมจะไม่มีทางลืมประชาชนรากหญ้าที่สนับสนุนมาตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงวันนี้ยังตระหนักถึงความทุกข์ความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนเสมอ
ตอนนี้ฤดูกาลของต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้มาถึงแล้วจะต้องอยู่อย่างแข็งแกร่งและอยู่รอดเพื่อเป็นความหวังของประชาชน

พรรคเพื่อไทยมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนอีกมากมายรอเพียงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะเป้าหมายคือจะต้องชนะการเลือกตั้งเท่านั้นเพื่อทำให้ระบบเผด็จการต้องหมดไป พรรคเพื่อไทยจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อผลักดันนโยบายให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นโยบายจะดีแค่ไหนก็ตามจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

แต่การจะบรรลุเป้าหมายได้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากประชาชน จึงอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม มาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่มาของโครงการครอบครัวเพื่อถ่ายบ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม และตั้งเป้าได้สมาชิกพรรค 14 เสียงคนเข้าเดิมกับที่เคยทำไว้สูงสุด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย