ประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียง นำทัพเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง

อุดรธานี 20 มี.ค. – “แพทองธาร” ประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียง นำทัพเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขจัดระบอบเผด็จการ


ผู้สื่อข่าว รายงาน ว่าพรรคเพื่อไทยได้ระดม แกนนำพรรคและ ส.ส.ของพรรค นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย จัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่จังหวัดอุดรธานี สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่น ความใกล้ชิด ความผูกพัน ของพี่น้องประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ผ่านกระบวนการทำงานเชิงพื้นที่ของส.ส.และนโยบายของพรรคภายใต้แนวคิดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งยึดหลักการนี้มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย

โดย บนเวที มีการลำดับ ไล่เลียงเหตุการณ์ จากพรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทยเริ่มจาก นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ได้ขึ้นมาจากเหตุการณ์ลำดับเหตุการณ์ความเป็นมาของพรรคเพื่อไทยเริ่มจากการก่อตั้งพรรคไทยรักไทยโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า มาจากนักธุรกิจตามนั้นซึ่งตอนนั้นสัญญาได้ฉายาอัศวินคลื่นลูกที่สามและได้ใช้ประสบการณ์ใช้ประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจในการหาเสียงให้เป็นรัฐบาลและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศจนสร้างประวัติศาสตร์สามารถชำระสามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนดและสามารถงบประมาณ แบบสมดุลได้ในปี 2548 และ2549 ซึ่งถือเป็นประวัติศาตร์ของประเทศไทย ที่ยังไม่มีใครทำได้มาก่อน และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองเช่นกันที่รัฐบาลสามารถอยู่ได้ครบเทอมสี่ปีจนเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่สองพรรคไทยรักไทยก็ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายเช่นกัน


จากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวถึงการถูกทำลายความบ้านของพรรคเพื่อไทยเริ่มจากการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นการปฏิวัติครั้งแรกในรอบ 15 ปี แต่อุดมการของความเป็นของความเป็นพรรคไทยรักไทยยังคงอยู่จึงยังมีการก่อตั้งพรรคพลังประชาชน โดยมีนายสมัครสุนทรรวทเป็นหัวหน้าพรรคเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งก็ยังซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จประสบความสำเร็จและถือว่าชนะการเลือกตั้งต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามด้วยจำนวนที่นั่ง 233 ที่นั่งขาดเพียง 18 ที่นั่งเปิดกลุ่มหนึ่งก็จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นโยบายต่างๆถูกสานต่อเนื่องเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค เอสเอ็มอี และกองทุนหมู่บ้าน แต่ในที่สุดพรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบอีกครั้ง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกทำลายความหวังจึงไม่อาจรับได้กับรัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงมีคนเสื้อแดงเกิดขึ้นและมีการประท้วงรัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับ จนมีเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำคือการปราบคนเสื้อแดงอย่างอำมหิตใจกลางเมือง

ขณะที่ นานแพทย์ชลน่าน ทุกคนต้องมีความหวัง สร้างอนาคตให้ลูกหลานกับบ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม ซึ่งเราไม่สามารถสร้างอนาคตให้กับลูกหลานได้ ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ แต่เราถูกแย่งอำนาจที่ประชาชนมอบให้เรา ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญ เอาเปรียบเพื่อจงใจปิดกั้นและทำลายเรา เป็นรัฐธรรมนูญที่กำจัดเพื่อไทยโดยเฉพาะ โดยอ้างเหตุผลเพียงว่าคะแนนทุกคะแนนจะต้องไม่ตกน้ำ ปล่นอำนาจเรายังไม่พอ เข้ามาบริหารประเทศ สร้างวิกฤติ สร้างความทุกข์ยาก พวกเราจนจริง เจ็บจริง ตายจริง และจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่อย่างไร ก็ ตามหัวใจดวงเดิมของไทยรักไทย ยังคงอยู่ และ วันนี้ มี DNA ของคนที่ ต้องการทำเพื่อประชาชน นั่นก็คือ นางสาวแพทองธาร

จากนั้นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่จังหวัดอุดรธานี ขอบคุณหัวหน้าเพื่อไทยที่มอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อย้อนดูแล้วก็ทำให้น้ำตาจะไหล ขณะนั้นยังไม่มีส่วนร่วมในพรรคการเมืองก็สัมผัสได้ว่าเส้นทางกลางเนืองเป็นเส้นทางที่ไม่ง่ายมีอุปสรรคมากมายเต็มไปหมด แม้ไม่ได้เข้ามาการเมืองก็ได้รับผลกระทบโดยตรง


วันนี้พรรคเพื่อไทยฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายระหว่างทางมีคนตกหล่นหายไปบ้าง เพื่อไปหาบ้านใหม่ที่รู้สึกว่าอาจจะปลอดภัยกว่าหรือบางคนอาจจะทนบาดแผลความเจ็บปวดไม่ไหว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังพร้อมจะต่อสู้ไปด้วยกัน ตนเองขอบคุณทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

ตลอด 23 ปี บนเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยประสบการณ์ถือเป็นต้นทุนสำคัญที่สุดที่มีและขอพูดด้วยความภาคภูมิใจว่ามีประสบการณ์มากกว่าพรรคการเมืองอื่นเพราะเคยเป็นรัฐบาลที่ผลิตนโยบายที่สามารถทำให้สำเร็จได้เป็นพรรคการเมืองที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวและสามารถอยู่ครบวาระได้และหลังจากครบวาระก็ยังสามารถได้รับชัยชนะอีกแต่ก็ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ให้เรียนรู้และปรับปรุงเพื่อทำให้ปัจจุบันและอนาคตดีกว่าที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้ดีกว่าเดิมจะไม่มีทางลืมประชาชนรากหญ้าที่สนับสนุนมาตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงวันนี้ยังตระหนักถึงความทุกข์ความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนเสมอ
ตอนนี้ฤดูกาลของต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้มาถึงแล้วจะต้องอยู่อย่างแข็งแกร่งและอยู่รอดเพื่อเป็นความหวังของประชาชน

พรรคเพื่อไทยมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนอีกมากมายรอเพียงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะเป้าหมายคือจะต้องชนะการเลือกตั้งเท่านั้นเพื่อทำให้ระบบเผด็จการต้องหมดไป พรรคเพื่อไทยจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อผลักดันนโยบายให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นโยบายจะดีแค่ไหนก็ตามจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

แต่การจะบรรลุเป้าหมายได้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากประชาชน จึงอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม มาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่มาของโครงการครอบครัวเพื่อถ่ายบ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม และตั้งเป้าได้สมาชิกพรรค 14 เสียงคนเข้าเดิมกับที่เคยทำไว้สูงสุด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย