สำนักงานกกต. 14 มี.ค.-“ศรีสุวรรณ” ร้องกกต.ยื่นศาลรธน.ยุบพรรคเพื่อไทย ส.ส.-นักธุรกิจโรงสีข้าวยโสธร บินลัดฟ้าไหว้ “ทักษิณ” หวังได้ลงเลือกตั้งครั้งหน้า แจงไม่ยื่น กมธ.จริยธรรม เพราะไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม ไม่กล้าลงโทษส.ส.ด้วยกัน
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงกกต.ขอให้ตรวจสอบและเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ภาคอีสาน นายชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพลลภ ส.ส.อุบลราชธานี เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเข้าข่ายขัดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28 ที่ห้ามมิให้บุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดที่เป็นการควบคุม ชี้นำ ครอบงำ การดำเนินกิจกรรมของพรรคไม่ว่าทางตรง ทางอ้อม ที่อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 92 (3) มีโทษถึงขั้นยุบพรรค
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นอกจากนายเกรียงและนายชูวิทย์ที่ไปพบนาทักษิณ แล้ว ยังมีส.ส.พรรคเพื่อไทยคนอื่นไปร่วมด้วย รวมถึงนักธุรกิจโรงสีใหญ่ใน อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพี่ชายส.ส.เพื่อไทย จ.ยโสธร และเป็นเพื่อนของอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าไปคุกเข่าพนมมือยกมือไหว้นายทักษิณ ซึ่งนักธุรกิจคนดังกล่าวมีกระแสข่าวว่าต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม การที่นักธุรกิจคนดังกล่าวอ้างว่าเดินทางไปพบปะพูดคุยธรรมดาสังคมไม่เชื่อ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่อ้างว่าจองตั๋งล่วงหน้าเป็นปีไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญคือมีการนัดแนะพบปะกันล่วงหน้า ประกอบกับก่อนหน้านี้มีวีดีโอคอลกับนายเกรียง ในงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อหลายเดือนก่อน จึงถือว่าเป็นกรณีที่เชื่อมโยงกับกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่ตนเคยยื่นร้องให้ตรวจสอบคลิปการวีดีโอคอลในงานเลี้ยงวันเกิดของนายเกรียง และกกต.ให้ตนมาให้ข้อมูลแล้ว แม้ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ แต่พฤติการณ์และการกระทำของพรรคเพื่อไทยยังเป็นเช่นเดิม คือให้นายทักษิณซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคเข้าชี้นำ ครอบงำ ซึ่งถ้าหากกกต.รับเรื่องไป และวินิจฉัยว่ามีความผิด จะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค
“ไม่ใช่เฉพาะผมไม่เชื่อว่าเป็นการพบปะกันโดยบังเอิญ แต่คนไทยทั้งประเทศซึ่งไม่ได้กินแกลบ กินหญ้า คงไม่เชื่อว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญ เพราะเรื่องเหล่านี้สามารถนัดหมายกันได้อยู่แล้ว แน่จริงให้เอาเบอร์โทรศัพท์มาโชว์ว่าเมื่อ 1-2 เดือนก่อนหน้านี้ คุณได้คุยโทรศัพท์ไปต่างประเทศ ไปดูไบหรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คงจะไม่นำเรื่องนี้ไปร้องต่อกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร เพราะเคยร้องกรรมาธิการจริยธรรมกับส.ส.หลายคน แต่ไม่ปรากฏผลเป็นรูปธรรม เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะส.ส.ด้วยกัน การทำงานอาจจะลูบหน้า ปะจมูก ไม่กล้าลงโทษทั้งที่ความผิดของส.ส.ที่ตนร้องไป เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน ขณะเดียวกันป.ป.ช.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เอาผิดเรื่องจริยธรรมโดยตรง กลับเอาผิดและเสนอลงโทษส.ส.ไปหลายคนแล้ว ผิดกับคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาฯ ที่ไม่มีผลงานอะไรเลย ตนจึงไม่ให้ความสนใจกับคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาฯ ชุดนี้อีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย