ขอมั่นใจระบบรักษาโควิด “เจอ แจก จบ” 

ทำเนียบรัฐบาล 4 มี.ค.-โฆษกรัฐบาลขอประชาชนมั่นใจระบบรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 OPD case ภายใต้ขยายบริการ “เจอ แจก จบ” รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง นายกฯ กำชับเร่งประชาสัมพันธ์การเข้าถึงระบบรักษาให้ชัดเจน


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่พบอาการรุนแรงน้อยกว่าการระบาดก่อนหน้า โดยขณะนี้อัตราผู้เสียชีวิตในรอบ 7 วัน ประเทศไทยยังมีอัตราต่ำกว่าหลายประเทศ ขณะที่การใช้เตียงในโรงพยาบาลร้อยละ 57 

“รัฐบาลจึงปรับการดูแลรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์  โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนมั่นใจระบบการรักษาภายใต้โครงการการขยายบริการ “เจอ แจก จบ” เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวหรือที่อาการไม่รุนแรงมากอย่างทั่วถึง เพราะเมื่อเข้าสู่ระบบผู้ป่วยนอก ทุกคนจะถูกบันทึกเข้าไปอยู่ระบบบริการ และจะได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฝากย้ำทุกจังหวัด หน่วยปฏิบัติ และหน่วยงานในพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ชัดเจน เกี่ยวกับการเข้าถึงระบบการรักษาและการเตรียมความพร้อมต่าง ๆ รองรับผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มอาการ (เขียว เหลือง แดง) ทั้งในส่วนของ HI และ CI  หรือโรงพยาบาล เพื่อประชาชนจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เหมาะสม พร้อมขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปยังต้องเคร่งครัดในการปฏิบ้ติตามมาตรการด้านสาธารณสุข

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยวันนี้ (4 มีนาคม 2565) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม รวม 23,834 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 23,688 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 146 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 758,561 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ขณะที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 19,351 ราย ทำให้หายป่วยสะสมอยู่ที่ 562,535 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 227,843 ราย และเสียชีวิต 54 ราย.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง