ทำเนียบรัฐบาล 28 ก.พ.- รมว.กต.หวัง “รัสเซีย-ยูเครน” ยุติสงครามด้วยการเจรจา เตรียมให้ผู้แทนไทยแสดงท่าทีในเวทียูเอ็นคืนนี้ ชี้ถ้ายืดเยื้อทุกประเทศกระทบ ขณะเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นหลังโควิดคลี่คลาย
นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี หน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ว่า สงครามที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับทั่วโลก สิ่งที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ต่อบ้านเมือง ประชาชน โดยสิ่งที่กังวลที่สุดในขณะนี้เป็นเรื่องความยืดเยื้อ เพราะกระทบทุกประเทศทั่วโลกหากยืดเยื้อ ไม่ว่าจะเป็นสหประชาชาติหรือทุกประเทศที่เราหารือร่วมด้วยก็หาทางออกด้วยกัน และสิ่งที่ดีที่สุดคือการหันหน้ามาพูดกัน
“สำหรับประเทศไทยมีแผนรับมือร่วมกันอาเซียนออกมาแล้ว เวลาที่คุยกับนานาประเทศ รวมถึงความพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทั้งนี้ ประเมินสถานการณ์ตลอดว่ายืดเยื้อหรือไม่ เรามีแนวทางแต่ทั้งหมดแต่ยังไม่มีคำตอบสุดท้าย และรู้ดีว่าความยืดเยื้อไม่ดีกับทุกฝ่าย ยอมรับว่ามีความพยามให้ยืดเยื้อเพื่อประโยชน์ทางใดทางหนึ่งในทางด้านยุทธวิธี ซึ่งเป็นเช่นนี้กับทุกเหตุการณ์ในอดีต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายดอน กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือเรื่องที่ทั้งสองประเทศจะจะเจรจาพูดคุยกันที่เมืองชายแดน เบลาลุส ซึ่งประเทศไทยวางแผนไว้หมด โดยมองไปข้างหน้าว่าอะไรจะเป็นอย่างไร รวมทั้งแผนอพยพคนไทย วันที่1 มีนาคมนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับผ่านมาทางเมืองวอซอ บูคาเรสต์ แต่ก็มีคนไทยบางส่วนไม่พร้อมกลับเพราะมีครอบครัว ยืนยันว่าเรามีแนวทางการรับมือทุกมุม เพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เพราะทุกอย่างมีโอกาสได้รับผลกระทบทั้งการค้า การลงทุน เศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีให้แนวทางรับมือเศรษฐกิจที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้แนวทางต่าง ๆ เพราะเราต่างรู้ว่าถ้ายืดเยื้อ เงินเฟ้อจะเกิดขึ้น ราคาพลังงานสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อทุกด้าน เรื่องนี้ได้หารือร่วมกัน จึงไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร
เมื่อถามว่า ต้องตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องหรือไม่ นายดอนยอมรับว่ามีการพูดกัน แต่ขอไม่ลงในรายละเอียด เพียงขอให้ไว้ใจว่ารัฐบาลรับรู้ถึงปัญหาทุกมุม ทั้งที่เกิดขึ้นภายในเวทีภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ส่วนกรณีมีนักการเมืองในประเทศเรียกร้องในแง่มุมต่างๆ สมควรหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นสิทธิส่วนตัวที่แสดงความเห็น แต่ท่าทีของรัฐบาลไทย เราไม่ต้องการให้เกิดความวุานวาย ไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ เราต้องการความสงบ เพราะความสงบจะทำให้ทุกประเทศพัฒนาตัวเองได้
“ที่ผ่านมาเรามีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด19 มา 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งเกิดความบอบช้ำไปทุกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ หากลองนึกดูว่าเมื่อมีการแพร่ระบาดโควิด19 แล้วยังมีเรื่องการเมืองความขัดแย้ง จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์เท่าทวีคูณ แทนที่เราจะสามารถฟื้นตัวพัฒนาบ้านเมืองขึ้นมาได้หลังโควิดเบาบาง ทั้งการท่องเที่ยว ลงทุนจะฟุบลงไปอีก” นายดอน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ว่าเราจะมีจุดยืนอย่างไรทุกประเทศจะได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น มากน้อยแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าจะรับมือได้มากน้อยแค่ไหน แต่ทุกอย่างได้พูดคุยเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว ประชาชนเองก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เพราะรัฐบาลทำไม่ได้โดยลำพัง
“ยอมรับว่าสิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือการเจรจาจาของประทศคู่ขัดแย่งและเราหวังว่าผลการเจรจาจะเป็นเชิงบวก แต่เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ เพราะผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายแตกต่างกัน ฟังดูเหมือนทุกคนต้องการความสงบเรียบร้อยไม่กระทบต่อประชาชนแต่ที่ทราบก็ยังยิงกันตลอดเวลา เพราะในเรื่องระหว่างประเทศมีความซับซ้อน จะดูแค่ภายนอกไม่ได้ ประเทศไทยหวังว่านานาประเทศจะให้ความร่วมมือให้เรื่องนี้ค่อย ๆคลี่คลาย และไม่บานปลาย” นายดอน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า คืนนี้(28 ก.พ.) จะหารือเรื่องดังกล่าวในองค์การสหประชาชาติ โดยให้ตัวแทนของไทยแสดงท่าที ไม่ใช่นั่งเฉย ๆ ต้องบอกล่าวในเวทีต่างประเทศ ที่ผ่านมาเราทำอะไรได้บ้างและคราดหวังจะได้ผลอะไรจากความร่วมมือจากต่างประเทศ อย่างน้อยจะทำให้ผลที่มีต่อนานาประเทศเบาบางลง กว่าที่ควรจะเป็น เพราะหากเหตุการณ์ยืดเยื้อออกไป ทุกฝ่ายจะได้รับผลกระทบ
“คนไทยก็ต้องช่วยกัน สามัคคีเป็นปึกแผ่น จะถือเป็นจุดแข็งของประเทศ หากประเทศไหนอ่อนแอจะกลายเป็นเหยื่อได้ อย่าไปคิดว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างนี้ แล้วเราต่างคนต่างอยู่ เพราะเศรษฐกิจเฟื่องฟู คิดว่าหลังโควิดจะดีขึ้น แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นเช่นนั้น ขอฝากไว้ว่าความสามัคคีในบ้านเรามีความจำเป็น ค วามแข็งแรงของบ้านเมืองต้องมีประชาชนต้องร่วมใจกัน ให้มีเอกภาพ เป็นฐานของความแข็งแกร่งของสังคม” นายดอน กล่าว
เมื่อถามว่า หากอนาคต ไทยต้องเลือกข้าง ไทยจะเลือกข้างไหน นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เราดูตามสถานการณ์ที่เป็นจริงในวันนี้ ไม่ต้องเลือกข้างได้เป็นเรื่องดี เพราะเราต้องการให้สถาณการณ์สงบโดยเร็ว โดยทุกฝ่ายต้องช่วยกัน หากสงบจะเป็นผลดีกับทุกเชื้อชาติ จะส่งผลดีต่อภายหน้า เพราะทุกประเทศกำลังฟื้นเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด หากไม่ร่วมมือกันทุกอย่างก็ไม่ฟื้น โอกาสฟื้นตัวก็ไม่มี
“ในโซเชียล หลายประทศพูดคุยกันเหมือนสะใจเหมือนเห็นวีโอเกมส์ ซึ่งในชีวิตจริงไม่ใช่ ในชีวิตจริงเราต้องหาทางลดความขัดแย้ง ทุกครอบครัวจะวสามารถฟื้นชีวิตกลับมา ส่วนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้หรือไม่ ส่วนตัวไม่อยากพูดว่าจะเลวร้ายหรือไม่ แต่อยากฟังว่าการหารือ ระหว่าง 2 ประเทศจะนำไปสู่การเริ่มต้นและจุดจบได้หรือไม่ และหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” นายดอน กล่าว.-สำนักข่าวไทย