กสม. 24 ก.พ.-กสม.เตรียมส่งเรื่องป.ป.ช.เอาผิดตำรวจนครชัยศรี ไม่คืนทรัพย์สินผู้ต้องหาตามคำสั่งศาลฎีกานาน 14 ปี จี้ตร.เร่งปฏิบัติตามระเบียบ
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) และนายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงมติกสม. ว่า ที่ประชุมกสม.ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 7/2565 พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากนายน้อย (นามสมมุติ – กสม.ให้ใช้นามแฝงแทน) ผู้ต้องขังซึ่งกำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี อ้างว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2549 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม บกุมในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
นายวสันต์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดทรัพย์สินไว้เป็นของกลางในคดีอาญาหลายรายการ เช่น สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ พระเลี่ยมทอง สมุดบัญชีเงินฝาก สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ และอาวุธปืนสั้น ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่ริบทรัพย์สินดังกล่าว และผู้ร้องได้ติดต่อขอรับคืนทรัพย์สินแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคืน จึงขอกสม.ตรวจสอบ คดีนี้กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนกันยายน 2564 จากการพิจารณาคำร้องและข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายแล้วเห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีหนังสือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงผกก.สภ.นครชัยศรีแจ้งผลการตรวจสอบรายการทรัพย์สินของนายน้อยที่ถูกจับกุม โดยระบุยังไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงไม่มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ร้อง
นายวสันต์ กล่าวว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อเดือนต.ค. 2553 ให้คืนทรัพย์สินนายน้อย ผู้ร้อง จึงให้ญาติติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี เพื่อขอรับคืนทรัพย์สินแล้วหลายครั้ง แต่ทรัพย์สินดังกล่าวสูญหายไป ซึ่งในภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอชดใช้ค่าเสียหายบางรายการเป็นเงินจำนวน 160,000 บาท แต่มีทรัพย์สินบางรายการ คือ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ที่นายน้อยยังไม่ได้รับคืนด้วย การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รีบส่งคืนทรัพย์สินให้ภายในเวลาอันควร และต้องให้ติดตามทวงถามและร้องเรียนต่อหน่วยงานอื่น ๆ จึงยอมขอชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่เป็นการชดใช้ค่าเสียหายภายหลังจากที่ร้องเรียนต่อกสม. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และเป็นระยะเวลากว่า 14 ปี นับแต่วันที่สำนักงานป.ป.ส.มีคำสั่งไม่ตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้คืนรายการทรัพย์สิน
“การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรีจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของนายน้อยสูญหาย อันเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 37 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 และไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 15 บทที่ 1 ข้อ 415 ที่กำหนดไว้” นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวว่า กสม.เห็นว่ากรณีนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ร้อง จึงมีมติให้เสนอแนะมาตรการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยให้ตร.ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้ร้องสูญหาย กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศที่มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ของกลางในคดีอาญาให้ปฏิบัติตามกฎหมายและประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญา พร้อมกันนี้ให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป.-สำนักข่าวไทย