ทำเนียบฯ 23 ก.พ.- สธ.ยืนยันคนไทยร้อยละ 99 มีสิทธิรักษาตาม รพ.อยู่แล้ว ย้ำเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วยระดับเหลืองและแดง ชี้หากไม่ปลดโควิดพ้นยูเซป อาจเป็นโรคประจำถิ่นไม่ได้
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี สั่งเลื่อนการออกประกาศยกเลิกแนวทางการรักษาและเบิกจ่ายโควิด-19 ระบบยูเซป พลัส ว่า แนวทางเดิมของกระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการให้มีการยกเลิกยูเซป เนื่องจากต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ให้เข้ารักษาตามสิทธิโรงพยาบาลที่มีอยู่ ซึ่งคนไทยร้อยละ 99 ก็มีสิทธิอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว ทั้งนี้ การยกเลิกยูเซปเป็นการยกเลิกการรักษาฉุกเฉินให้ไปตามสิทธิ เช่น มีสิทธิกับประกันชนิดใด หรือติดต่อกับโรงพยาบาลใดไว้ หรือใช้สิทธิ 30 บาท ที่โรงพยาบาลใด ก็ต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลนั้น ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมา 2 ปีกว่าแล้ว ความรุนแรง การเจ็บป่วยของโรคได้ลดลง ทำให้ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ดูในเรื่องของจำนวนเตียงตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยใช้เตียงรักษาผู้ป่วยสีเขียวไปร้อยละ 50 ผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงมีไม่ถึงร้อยละ 20 ของจำนวนเตียงที่มีอยู่ จึงคิดว่ามีเตียงเพียงพอรองรับการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะในส่วนของภูมิภาคและกรุงเทพฯ อีกทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการไว้ คือ ผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง ยังได้รับสิทธิการรักษาแบบฉุกเฉินอยู่ แต่ช่วงนี้เพื่อความรอบคอบปลอดภัย นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนใหม่
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การตัดสินใจยกเลิกยูเซป ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแต่อย่างใด แต่เป็นแผนให้โควิดกลับมาเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งต่างประเทศได้ปรับมาตรการไปแล้ว แม้ประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศ แต่ต้องบริหารจัดการให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น ขณะนี้โรคได้ลดความรุนแรงลงและต้องเป็นไปตามกลไก แต่หากประกาศให้เป็นโรคฉุกเฉินอยู่ ก็จะเป็นโรคประจำถิ่นไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยในสีเขียวที่สามารถรักษาในระบบ Home Isolation ได้ หลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะไปทบทวนสิทธิต่อไป ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาอะไรตามมา และจำนวนเตียงมีเพียงพอ และวันนี้ (23 ก.พ.) จะรายงานให้ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบถึงจำนวนเตียงที่มีเพียงพอ.-สำนักข่าวไทย