กองทัพไทย 22 ก.พ.-กองทัพไทย-สหรัฐร่วมเปิดฝึกร่วม/ผสมคอบร้าโกลด์ประจำปี 2022 หวังพัฒนาสัมพันธ์ทางทหารที่ดีระหว่างมิตรประเทศ มีกำลังพลร่วมฝึกกว่า 3 พันนาย ต้องได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 เข็ม ตรวจ ATK ทุก 5 วัน
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนายไมเคิล ฮีธ (Michael Heath) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นประธานร่วมพิธีเปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2022 ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Tele-Conference) ซึ่งการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้การฝึกคอบร้าโกลด์ ครั้งที่ 41 เป็นวงรอบการฝึก Heavy Year
สำหรับวัตถุประสงค์การฝึกเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารที่ดีระหว่างมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึก พัฒนาขีดความสามารถการอำนวยการยุทธร่วม/ผสม ประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ การฝึกใช้ระเบียบปฏิบัติประจำกองกำลังผสมนานาชาติ โดยมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลักจำนวน 7 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเซีย และมีประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีประเทศในโครงการเสนาธิการผสมส่วนเพิ่มนานาชาติ หรือ MPAT (Multinational Planning Augmentation Team) จำนวน 10 ประเทศ ประกอบด้วย บังกลาเทศ แคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ มองโกเลีย เนปาล นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ฟิจิ และเวียดนาม รวมทั้งสิ้น 20 ประเทศ ยอดผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 3,460 นาย
ทั้งนี้ การฝึกจะใช้พื้นที่กองทัพภาคที่ 1,2,3 และบริเวณอ่าวไทยตอนบน เป็นพื้นที่การฝึกหลัก ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม 2565 โดยการฝึกประกอบด้วย การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise : CPX) โครงการช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian/Civic Assistance : HCA) การฝึกแก้ปัญหาบนโต๊ะในการช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (Humanitarian Assistance and Disaster Relief Table Top Exercise : HADR-TTX) และการฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX)
ทั้งนี้ การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกในส่วนของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ ความชำนาญ และเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศในการปฏิบัติการร่วมและผสม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการการบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
ผู้เข้ารับการฝึกต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตั้งแต่ปรับลดกำลังพล จาก 8,964 นาย เหลือ 3,460 นาย และปรับรูปแบบการฝึกภาคสนาม โดยงดการฝึกร่วมขนาดใหญ่ โดยก่อนเข้าประเทศ ผู้เข้ารับการฝึกจากมิตรประเทศต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการขอเข้าประเทศ Thailand Pass และตรวจสอบเอกสารขณะเข้าประเทศ (immigration) เข้ารับการกักตัว 7 วัน ตามที่ได้จองที่พักไว้ นอกจากนี้ จะคัดกรองผู้เข้ารับการฝึกทุกวัน และกำหนดให้มีการตรวจ ATK ทุก ๆ 5 วัน.-สำนักข่าวไทย