ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.พ.-รมว. ท่องเที่ยวฯ แจงเหตุต้องเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำไปซื้อประกันเยียวยาให้กรณีเกิดเหตุ ไม่ต้องนำเงินภาษีคนไทยมาดูแล
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านกล่าวพาดพิงในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวันที่ 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา เรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยคนละ 300 บาท ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันต้องเรียกเก็บอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่เป็นสิ่งที่เริ่มจากทางกระทรวงฯ ในยุคของตน แต่เป็นมติที่ออกมาก่อนหน้านี้
“เงินที่ได้จากการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน จะนำไปซื้อประกันให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย ส่วนเงินที่เหลือ เรานำไปจัดเก็บเข้ากองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธานกองทุน และมีผู้แทนจากอีก 10 หน่วยงาน ซึ่งรวมถึงกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยืนยันว่าใช้จ่ายเงินที่ได้มาดังกล่าวอย่างถูกต้อง เหมาะสม ตรวจสอบได้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าว
เมื่อถามถึงที่มาของการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มาจากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ เมื่อปี 2558 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณมาให้สำหรับการเยียวยาชาวต่างชาติในส่วนนั้น ต่อมาเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเราได้รับงบประมาณจากส่วนกลางไปสนับสนุน แต่เมื่อปี 2562 สำนักงบประมาณได้แจ้งมาทางกระทรวงฯ ว่าจะไม่จัดงบประมาณสำหรับการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาให้ทางกระทรวงฯแล้ว ทำให้ทางกระทรวงฯ ต้องหาวิธีจัดเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเป็นกองทุนเพื่อการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในไทย จึงนำเสนอเรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เมื่อปี 2562
“หลายคนอาจไม่รู้ว่าตั้งแต่ปี 2559-2561 กระทรวงสาธารณสุขต้องใช้งบประมาณปีละประมาณ 300 กว่าล้านบาท ไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ถ้ามีเงินกองทุนตรงนี้ให้ไปซื้อประกันแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะทำให้ไม่ต้องไปรบกวนเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนคนไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย