ศบค. เตรียมเปิดประเทศ

ทำเนียบรัฐบาล 21 ก.พ.-ประชุม ศบค.ใหญ่พุธนี้ เตรียมเปิดประเทศ ไม่ล็อกดาวน์ ติงนักวิชาการแจงให้ชัดเป็นความเห็นส่วนตัว หวั่นทำปชช.-ผู้ประกอบการตระหนก นายกฯ กำชับเตรียมสถานพยาบาลรองรับกลุ่มสูงอายุ – มีครรภ์


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลCOVID-19 รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,883 ราย ติดเชื้อในประเทศ 18,721 ราย แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพสูงถึง 18,618 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 86 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 17 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 162 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 2,731,198 ราย

“ถ้ารวมยอดผู้ป่วยจากการตรวจ ATK จำนวน 15,010 ราย ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จะมี 33,893 ราย หายป่วย 14,914 ราย รวมยอดรักษาหาย 2,542,145 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 166,397 ราย เป็นการรักษาอยู่ในรพ.77,071 ราย ในรพ.สนาม/HI-CI 89,326 ราย ทั้งนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 796 ราย มีผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง  202 ราย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 77 จังหวัด โดยกทม.ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 และเพิ่มขึ้นจากวานนี้(20 ก.พ.ขณะที่ต้องจับตานครศรีธรรมราชที่ตัวเลขติดเชื้อใหม่ก้าวกระโดดแซงสมุทรปราการ และชลบุรี ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ที่ 960 ราย โดยสมุทรปราการ หล่นไปอยู่อันดับ 3 จำนวน 928 ราย ลดลงจากเมื่อวานเล็กน้อย(จาก 975 ราย) ขณะที่อันดับ 4-8 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งอันดับ 4 ชลบุรี อันดับ 5 นนทบุรี อันดับ 6 ภูเก็ต อันดับ 7 นครราชสีมา อันดับ 8 ระยอง ส่วนอันดับ 9-10 นครปฐม และบุรีรัมย์ ลดลงเล็กน้อย สำหรับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยที่สุดคือลำพูน 10 ราย 51 จังหวัดที่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยมากที่สุดที่ภาคกลาง 15 จังหวัด ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด ภาคใต้ 9 จังหวัด ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ภาคตะวันตก 4 จังหวัด และน่าจับตาภาคเหนือ ที่พบเกินร้อยเพิ่มขึ้นเป็น 4 จังหวัด

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า คลัสเตอร์ที่พบการระบาดในสถานบันเทิง ทั้งที่ขอนแก่น สงขลา และคลัสเตอร์ในโรงเรียนหลายจังหวัด ทั้ง น่าน หนองคาย เลย สุพรรณบุรี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ พะเยา ทั้งยังพบคลัสเตอร์ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำในตลาด 6 จังหวัด ที่นครราชสีมา อุบลราชธานี นครพนม จันทบุรี สุรินทร์ เพชรบุรี รวมทั้งยังมีคลัสเตอร์งานศพ ที่มุกดาหาร งานบุญที่กาฬสินธุ์ หนองคาย อุดรธานี งานแต่งงาน การจัดเลี้ยง รับประทานอาหารร่วมกัน เล่นพนัน ตั้งวงดื่มสุรา โดยขอให้หน่วยงานท้องถิ่นช่วยกันกำชับและกวดขันให้เข้มข้น ทั้งนี้ ศบค. ขอให้งดกิจกรรมงดการสังสรรค์โดยไม่จำเป็นไว้ก่อน อีกทั้งที่น่าห่วงคือ ในโรงพยาบาลหลายแห่งหลายจังหวัด ที่ทำให้บุคลากรต้องติดเชื้อและต้องมีการกักตัว ทำให้ขาดเจ้าหน้าที่ในการดูแลประชาชน

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้กรมการแพทย์รายงานว่าเตียงของโรงพยาบาลทั่วประเทศพบว่าอัตราครองเตียงระดับสองทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 19% ในสถานพยาบาลทั่วประเทศระดับสาม ยังมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ 16.5% ทำให้เห็นว่ามีเตียงเพียงพอจะรองรับการเจ็บป่วยหนักสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทุกจังหวัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับกรณีมีความจำเป็น  รววมทั้งขอความร่วมมือประชาชนที่มีอาการสีเขียวคือระดับไม่มีอาการ หากตรวจ ATK แล้วพบผลเป็นบวก ขอให้เลือกการรักษาตัวที่บ้านหรือ home isolstion หากเป็นบวกที่ชัดเจนขอให้ติดต่อไปที่ สปสช. 1330 กด 14 จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อประเมินอาการ ตรวจสอบประวัติ และติดตามอาการ  อยากให้สงวนเตียงไว้ให้กลุ่มผู้สูงอายุและสตรีมีครรภ์


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 32 ราย เป็นคนไทย 31 ราย เมียนมา 1 ราย เป็นเพศชาย 13 ราย เพศหญิง 19 ราย อายุ 28-92 ปี พบทุกภาคทั่วไทย มากสุดในกทม.6 ราย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยผู้เสียชีวิต 25 รายอายุ 60 ปีขึ้นไป และอายุน้อยกว่า 60 ปีแต่มีโรคเรื้อรัง 7 ราย

“วันนี้พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วย 1 ราย อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ติดเชื้อจากบุคคลใกล้ชิด หรือคนรู้จัก นอกจากนี้ยังพบว่าในจำนวนผู้เสียชีวิต 32 ราย ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถึง 19 ราย ฉีดครบ 2 เข็มระยะเกิน 4 เดือน  8 ราย และฉีดครบ 2 เข็มระยะไม่เกิน 4 เดือนอยู่ระหว่างรอรับเข็มกระตุ้น 5 รายทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 22,656 ราย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันพุธนี้(23 ก.พ.) จะล็อกดาวน์หรือไม่นั้น ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กยืนยันว่าไม่พูดถึง ซึ่งในที่ประชุมชุดใหญ่ จะมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกัน การพิจารณาจะไม่ประเมินเฉพาะจำนวนยอดผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยหนักและผู้ติดเชื้อ แต่ต้องพิจารณารอบด้าน ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย

“การที่ประชาชนกังวล เกิดจากการบริโภคข้อมูล ที่มาจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญที่อาจทำให้เกิดความตกใจว่าจะล็อกดาวน์ ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีทิศทางจะประกาศล็อกดาวน์และขอความร่วมมือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ เวลาให้ความเห็นขอให้ระบุด้วยว่าเป็นความเห็นส่วนตัวเพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่เช่นนั้นประชาชนและผู้ประกอบการจะเกิดความกังวล ตื่นตระหนก การประชุมศบค.ชุดใหญ่จะอธิบายเหตุผลว่าถ้าไม่ล็อกดาวน์จะมีมาตรการรองรับการเปิดประเทศอย่างไร จะมีมาตรการเข้มงวดรองรับอย่างไร คงต้องติดตามกัน” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย