ทำเนียบรัฐบาล 21 ก.พ.-ประชุม ศบค.ใหญ่พุธนี้ เตรียมเปิดประเทศ ไม่ล็อกดาวน์ ติงนักวิชาการแจงให้ชัดเป็นความเห็นส่วนตัว หวั่นทำปชช.-ผู้ประกอบการตระหนก นายกฯ กำชับเตรียมสถานพยาบาลรองรับกลุ่มสูงอายุ – มีครรภ์
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลCOVID-19 รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,883 ราย ติดเชื้อในประเทศ 18,721 ราย แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพสูงถึง 18,618 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 86 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 17 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 162 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 รวม 2,731,198 ราย
“ถ้ารวมยอดผู้ป่วยจากการตรวจ ATK จำนวน 15,010 ราย ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จะมี 33,893 ราย หายป่วย 14,914 ราย รวมยอดรักษาหาย 2,542,145 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 166,397 ราย เป็นการรักษาอยู่ในรพ.77,071 ราย ในรพ.สนาม/HI-CI 89,326 ราย ทั้งนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 796 ราย มีผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 202 ราย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 77 จังหวัด โดยกทม.ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 และเพิ่มขึ้นจากวานนี้(20 ก.พ.ขณะที่ต้องจับตานครศรีธรรมราชที่ตัวเลขติดเชื้อใหม่ก้าวกระโดดแซงสมุทรปราการ และชลบุรี ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ที่ 960 ราย โดยสมุทรปราการ หล่นไปอยู่อันดับ 3 จำนวน 928 ราย ลดลงจากเมื่อวานเล็กน้อย(จาก 975 ราย) ขณะที่อันดับ 4-8 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งอันดับ 4 ชลบุรี อันดับ 5 นนทบุรี อันดับ 6 ภูเก็ต อันดับ 7 นครราชสีมา อันดับ 8 ระยอง ส่วนอันดับ 9-10 นครปฐม และบุรีรัมย์ ลดลงเล็กน้อย สำหรับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยที่สุดคือลำพูน 10 ราย 51 จังหวัดที่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยมากที่สุดที่ภาคกลาง 15 จังหวัด ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด ภาคใต้ 9 จังหวัด ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ภาคตะวันตก 4 จังหวัด และน่าจับตาภาคเหนือ ที่พบเกินร้อยเพิ่มขึ้นเป็น 4 จังหวัด
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า คลัสเตอร์ที่พบการระบาดในสถานบันเทิง ทั้งที่ขอนแก่น สงขลา และคลัสเตอร์ในโรงเรียนหลายจังหวัด ทั้ง น่าน หนองคาย เลย สุพรรณบุรี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ พะเยา ทั้งยังพบคลัสเตอร์ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำในตลาด 6 จังหวัด ที่นครราชสีมา อุบลราชธานี นครพนม จันทบุรี สุรินทร์ เพชรบุรี รวมทั้งยังมีคลัสเตอร์งานศพ ที่มุกดาหาร งานบุญที่กาฬสินธุ์ หนองคาย อุดรธานี งานแต่งงาน การจัดเลี้ยง รับประทานอาหารร่วมกัน เล่นพนัน ตั้งวงดื่มสุรา โดยขอให้หน่วยงานท้องถิ่นช่วยกันกำชับและกวดขันให้เข้มข้น ทั้งนี้ ศบค. ขอให้งดกิจกรรมงดการสังสรรค์โดยไม่จำเป็นไว้ก่อน อีกทั้งที่น่าห่วงคือ ในโรงพยาบาลหลายแห่งหลายจังหวัด ที่ทำให้บุคลากรต้องติดเชื้อและต้องมีการกักตัว ทำให้ขาดเจ้าหน้าที่ในการดูแลประชาชน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้กรมการแพทย์รายงานว่าเตียงของโรงพยาบาลทั่วประเทศพบว่าอัตราครองเตียงระดับสองทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 19% ในสถานพยาบาลทั่วประเทศระดับสาม ยังมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ 16.5% ทำให้เห็นว่ามีเตียงเพียงพอจะรองรับการเจ็บป่วยหนักสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทุกจังหวัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับกรณีมีความจำเป็น รววมทั้งขอความร่วมมือประชาชนที่มีอาการสีเขียวคือระดับไม่มีอาการ หากตรวจ ATK แล้วพบผลเป็นบวก ขอให้เลือกการรักษาตัวที่บ้านหรือ home isolstion หากเป็นบวกที่ชัดเจนขอให้ติดต่อไปที่ สปสช. 1330 กด 14 จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อประเมินอาการ ตรวจสอบประวัติ และติดตามอาการ อยากให้สงวนเตียงไว้ให้กลุ่มผู้สูงอายุและสตรีมีครรภ์
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 32 ราย เป็นคนไทย 31 ราย เมียนมา 1 ราย เป็นเพศชาย 13 ราย เพศหญิง 19 ราย อายุ 28-92 ปี พบทุกภาคทั่วไทย มากสุดในกทม.6 ราย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยผู้เสียชีวิต 25 รายอายุ 60 ปีขึ้นไป และอายุน้อยกว่า 60 ปีแต่มีโรคเรื้อรัง 7 ราย
“วันนี้พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วย 1 ราย อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ติดเชื้อจากบุคคลใกล้ชิด หรือคนรู้จัก นอกจากนี้ยังพบว่าในจำนวนผู้เสียชีวิต 32 ราย ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถึง 19 ราย ฉีดครบ 2 เข็มระยะเกิน 4 เดือน 8 ราย และฉีดครบ 2 เข็มระยะไม่เกิน 4 เดือนอยู่ระหว่างรอรับเข็มกระตุ้น 5 รายทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 22,656 ราย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันพุธนี้(23 ก.พ.) จะล็อกดาวน์หรือไม่นั้น ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กยืนยันว่าไม่พูดถึง ซึ่งในที่ประชุมชุดใหญ่ จะมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกัน การพิจารณาจะไม่ประเมินเฉพาะจำนวนยอดผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยหนักและผู้ติดเชื้อ แต่ต้องพิจารณารอบด้าน ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
“การที่ประชาชนกังวล เกิดจากการบริโภคข้อมูล ที่มาจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญที่อาจทำให้เกิดความตกใจว่าจะล็อกดาวน์ ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีทิศทางจะประกาศล็อกดาวน์และขอความร่วมมือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ เวลาให้ความเห็นขอให้ระบุด้วยว่าเป็นความเห็นส่วนตัวเพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่เช่นนั้นประชาชนและผู้ประกอบการจะเกิดความกังวล ตื่นตระหนก การประชุมศบค.ชุดใหญ่จะอธิบายเหตุผลว่าถ้าไม่ล็อกดาวน์จะมีมาตรการรองรับการเปิดประเทศอย่างไร จะมีมาตรการเข้มงวดรองรับอย่างไร คงต้องติดตามกัน” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย