รองโฆษก ปชป. เชื่อกระแสรัฐบาลดีขึ้น หลังจบศึกอภิปราย

กทม. 19 ก.พ.-รองโฆษก ปชป. เชื่อหลังจบศึกอภิปรายกระแสรัฐบาลดีขึ้น ชี้สินค้าแพงเกิดจากต้นทุนเชื้อเพลิง อวย “จุรินทร์” แก้สินค้าแพงเต็มที่ โยนพลังงาน-คลัง หาทางออก

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 โดยเชื่อว่าภาพรวมกระแสของรัฐบาลดีขึ้น และจะมีการตอบรับจากประชาชนดีขึ้น จากการรับฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับปัญหาที่ฝ่ายค้านซักถามและตั้งข้อสังเกต ส่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านส่วนใหญ่ก็พูดดีมีการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ จะมีเพียงไม่กี่คนที่ยังเป็นการอภิปรายโดยใช้การเมืองแบบเก่า ดังนั้นถือว่าการอภิปรายครั้งนี้เป็นเวทีที่จะช่วยสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เป็นการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในการใช้กลไกของรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ที่ทำให้ ครม.กับ สส ได้ทำงานร่วมกันสร้างสรรค์


นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องราคาสินค้าแพง ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้ทำอย่างเต็มที่ แต่สาเหตุของสินค้าราคาแพงนั้นเกิดมาจากต้นทุนเรื่องราคาเชื้อเพลิง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังที่จะต้องไปหารือและร่วมกันแก้ไขราคาเชื้อเพลิง

“ชัดเจนแล้วว่ากระทรวงพาณิชย์นั้นเป็นปลายทาง เพราะต้นทางเป็นเรื่องราคาเชื้อเพลิง ที่รัฐบาลจะต้องรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังต้องไปคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ราคาเชื้อเพลิงลดลง เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาที่ปลายเหตุได้ แต่ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงในส่วนของราคาปุ๋ยที่มีราคาสูง ว่านายจุรินทร์ ได้พยายามแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรอย่างเต็มที่แล้ว แต่การชี้แจงก็พบว่าสำนักงบประมาณไม่ผ่านงบให้ จึงทำให้การแก้ปัญหาให้ประชาชนทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่ ครม. ต้องนำไปแก้ปัญหาต่อ เพราะปุ๋ยแพงเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสมีลูก 2 คนกับอดีตสามี ส่วนสามีคนปัจจุบัน คือ คู จุน ย็อบ หรือดีเจ คู เป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้วัย 55 ปี.-814.-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” พอใจผลเลือก อบจ. เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่

“นายกฯ แพทองธาร” พอใจผลเลือกตั้งนายก อบจ. บอกต้องนำมาวิเคราะห์หมด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่ คุ้มสตางค์ค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียง แจงปราศรัยเดือดไม่ใช่คาแรคเตอร์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้