รัฐสภา 18 ก.พ.- “จิราพร” อภิปรายคดีเหมืองทองอัครา เชื่อ ”ประยุทธ์” ใช้ประเทศต่อรองให้ถอนฟ้องคดี หวั่นเป็น ผู้นำคณะรัฐประหารไทยคนแรก ขึ้นศาลโลก หากถูกชี้ ม.44 มิชอบ-เข้าข่ายองค์กรอาชญากรรม
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ต่อเนื่องวันที่สอง มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม
น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายประเด็นคดีเหมืองทองอัคราว่า พรรคเพื่อไทยนำเรื่องดังกล่าวเปิดเผย และอภิปรายซักถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงคำถาม อีกทั้งยังพบว่า มีการปกปิดข้อมูลที่เชื่อว่าจะมีความเสียหายกับประเทศไทย ทำให้ต้องอภิปรายเรื่องดังกล่าวเป็นรอบที่ 4
ซึ่งตนขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ที่ระบุว่าพร้อมตอบทุกคำถามให้ชี้แจงด้วยตนเอง ทั้งนี้ ตนขอสังเกตว่า กรณีที่บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ฐานะบริษัทแม่ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพ์ออสเตเลียว่า รัฐบาลไทยได้อนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลง ขณะที่กระบวนอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศนั้น คณะอนุญาโตตุลาการฯ จะเลื่อนอ่านคำชี้แจงออกไปเป็นกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ นำทรัพย์สมบัติชาติไปประเคน และเอาประเทศเป็นเครื่องประกันตัวเองออกจากคดี
น.ส.จิราพร อภิปรายว่า ตนขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวรวมถึงกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการฯ เลื่อนอ่านคำชี้ขาด อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นอาจมีกระบวนการประนีประนอม ยอมความเพื่อให้ถอนฟ้อง เพราะไม่ต้องการให้ศาลระหว่างประเทศตัดสิน หรือ ชี้สถานะทางกฎหมายของคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ว่าเป็นกฎหมายที่ไม่มีความชอบธรรมในสากล เพราะเป็น กฎหมายเถื่อนไม่ผ่านสภาฯ เป็นคำสั่งที่ออกจากคณะรัฐประหาร
“หากอนุญาโตตุลาการฯ ชี้สถานะว่ามาตรา 44 ไม่มีผลทางกฎหมายจะกลายเป็นสึนามิต่อรัฐบาล ที่ใช้มาตรา 44 กับบริษัทคิงส์เกตฯฐานะบริบทต่างชาติ และมีองค์ประกอบเข้าข่าย เป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรม ตามนิยามข้อที่ 2ของอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งลักษณะองค์กร ดังนั้น การใช้มตรา44 อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกตีความเป็นองค์กรอาชญากรรม กลายเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารไทยคนแรก ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ทำให้มีการเจรจาถอนฟ้อง” น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร กล่าวว่า นอกจากนี้ หากการตัดสินมาตรา 44 ว่าผิด จะมีอาฟเตอร์ช็อค ต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลทั้งคณะ คือ หากมาตรา 44 ผิดพลาด และรัฐบาลยังพยายามเอาทรัพย์สินและประเทศประกันตัวเองออกจากคดี หากไทยสามารถเจรจาประนีประนอมยอมความโดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนกกฎหมาย จะกลายเป็นความผิดพลาดร้ายแรงซ้ำสองสร้างภาระประเทศไม่มีที่สิ้นสุด
“หากไม่แสวงหาความจริงได้ ขอให้ทุกคำถาม ประทับอยู่ในหัวใจทั้งประเทศ พรรคเพื่อไทยไม่มีวันลืม แสวงหาข้อเท็จจริงทุกช่องทาง นำความจริง ตีแผ่เบื้องหลัง หากการเจรจายอมความมีพฤติกรรมไม่สุจริต มีข้อแนะนำเดียว คือ เตรียมทีมทนายในและต่างปะเทศไว้ให้ดี” น.ส.จิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย