รัฐสภา 17 ก.พ.-นายกฯ ยอมรับกลางสภา สินค้าแพงจริง เหตุเงินเฟ้อเกิดขึ้นทั้งโลก รับอะไรที่เป็นปัญหาจะปรับปรุงแก้ไข แต่อย่าใช้เวทีนี้มาเป็นเวทีอภิปรายกล่าวหากัน ลั่นเจ้าหนี้ต่างชาติไว้ใจไทย ไม่ใช่เมินหน้าหนี แต่พอจะกู้ ก็ไม่ให้กู้ แล้วมาบอกว่าไม่ให้ตรงนั้นตรงนี้ ยันเสถียรภาพการเงินไทยยังเข้มแข็ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงในที่ประชุมสภา โดยขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะนำไปปรับปรุงแก้ไข พร้อมยืนยันไม่เคยปกปิดข้อมูลการส่งออกหมูไปต่างประเทศว่าติดเชื้อหรือไม่ และได้มีการตรวจค้นการกักตุนเนื้อสุกรโดยขอให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย ตนไม่เคยได้นิ่งนอนใจ
ยอมรับราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น บางอย่างก็แพง บางอย่างมีราคาแพง แพงเกินกว่าต้นทุน ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญและมีมาตรการทยอยแก้ไขปัญหา ซึ่งจะต้องจัดลำดับความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการที่สินค้าราคาแพงเกิดจากปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก และสถานการณ์โควิดส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งจะต้องเจอกับสถานการณ์นี้อีกซักระยะหนึ่ง ย้ำรัฐบาลไม่สามารถดูแลทุกภาคส่วนได้ในเวลาเดียวกันในสถานการณ์เช่นนี้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้แก้ตัว แต่ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะเจอสถานการณ์เดียวกันทั้งนั้น ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิด มีปัจจัยมาจากเรื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งเรื่องเงินเฟ้อและสถานการณ์ความตึงเครียดทั่วโลก ขอให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย ยืนยันไม่มีรัฐบาลไหนอยากให้ราคาสินค้าขึ้นแม้แต่เปอร์เซนต์เดียว ตนเองรับไม่ได้ที่ราคาสินค้าจะแพงขึ้นแม้จะแค่ 1-2% ก็รับไม่ได้
พร้อมย้ำไม่ใช่รัฐบาลไม่รู้เรื่องและไม่สนใจ แต่พยายามแก้ไขปัญหา อะไรที่เตือน ตนเองก็รับฟัง และอะไรที่เป็นปัญหา ก็จะนำไปปรับปรุงแก้ไข แต่ขออย่าใช้เวทีนี้มาเป็นเวทีอภิปรายไม่วางใจ ขอทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายค้านช่วยกันเป็นหูเป็นตา อะไรที่ผิดกฎหมายอย่าทำ ทุกอย่างขึ้นบัญชีทั้งหมด ใครโกงรู้หมด
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาได้ทำมาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เรื่องใดที่เป็นเร่งด่วนก็ดำเนินการทันที แต่จะให้เป็นที่พอใจของฝ่ายค้าน ตนเองคิดว่ายาก ซึ่งแม้ฝ่ายค้านจะมาเป็นรัฐบาลก็ทำได้ยาก เอาไว้พวกท่านเป็นรัฐบาลค่อยมาทำแล้วกัน
ทั้งนี้เห็นว่าเป็นการโจมตีกันไปมา ไม่ดูสถานการณ์โลก ซึ่งจากการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจต่างชาติ ทุกคนชื่นชมประเทศไทยว่ามีความแข็งแกร่งทั้งนั้น
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงการสร้างเสถียรภาพของรัฐบาลทางเศรษฐกิจและวินัยการเงินการคลังควบคู่ไปกับระบบสาธารณสุข ยืนยันประเทศไทยไม่เหมือนประเทศใดทั้งสิ้นในโลกใบนี้
พร้อมยืนยันแก้ปัญหาอย่างระมัดระวัง ซึ่งต้องเลือกรักษาเสถียรภาพ เพราะไม่ได้พิมพ์เงินเอง และระมัดระวังตัวเองในขีดความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ปรับแผนด้านการเงิน เพราะเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้กู้ต่างประเทศจนเจ้าหนี้ เมินหน้าหนี วันนี้จะกู้อีก เขาก็ให้กู้ ถ้าจำเป็นต้องกู้ แต่ท่านก็ไม่ให้ผมกู้ แล้วก็มาโวยวายว่าตรงนั้นตรงนี้ทำไมไม่ให้ ทั้งที่เจ้าหนี้อยากให้กู้ เพราะไว้ใจไทย และยืนยันว่าสถานการณ์ทางการเงินไทยยังแข็งแกร่ง กองทุนสำรองก็มีมาก ดังนั้นไทยยังมีเสถียรภาพทางการเงินการคลัง.-สำนักข่าวไทย