“ชลน่าน”ชี้เป้าปัญหาประเทศ จี้นายกฯ ยุบสภา-ลาออก

รัฐสภา 17 ก.พ.- “ชลน่าน” ชี้เป้าปัญหาประเทศ จากรัฐธรรมนูญ-ผู้นำ กระทบเศรษฐกิจ สังคม จี้ นายกฯ ลาออก-ยุบสภา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ  ที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นวันแรก

โดยก่อนการเข้าสู่ญัตติ นายชวน ได้ย้ำถึงข้อปฏิบัติในการประชุมตามข้อบังคับการประชุม และให้ผู้ควบคุมเสียงแจ้งถึงข้อตกลงด้านเวลา โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เวลา รวม 22 ชั่วโมง แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย ได้เวลา 760 นาที พรรคก้าวไกล ได้เวลา 303 นาที พรรคเสรีรวมไทย 80 นาที พรรคประชาชาติ 57 นาที พรรคเพื่อชาติ 50 นาที พรรคพลังปวงชนไทย 30 นาที พรรคไทยศรีวิไลย์ 20 นาที และพรรคเศรษฐกิจใหม่ 20 นาที


ขณะที่ฝ่ายคณะรัฐมนตรี ได้เวลาชี้แจง รวม 8 ชั่วโมง ได้จัดสรรให้ส.ส.ในสัดส่วนแต่ละพรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ 44 นาที พรรคภูมิใจไทย 27 นาที พรรคประชาธิปัตย์ 23 นาที พรรคเล็กร่วมรัฐบาลที่มี ส.ส.เกิน 1 คนได้เวลา  6 นาที และพรรคเล็กที่มีส.ส. 1 คนได้เวลา  4 นาที

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่ล้มเหลว มีการก่อหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้หนี้ครัวเรือนของประชาชนและอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 มียอดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ขณะที่รัฐบาลกลับไม่มีการเยียวยาที่ชัดเจน ประกอบกับมีการติดเชื้ออหิวาต์ในสุกร ทำให้ราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น เกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง และพบว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนรายใหญ่ ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดอื่นก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้  อีกทั้งรัฐบาลขาดความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่การเลือกตั้งก็ย้อนไปใช้ระบบอุปถัมภ์ ใช้เงินซื้อเสียง อีกทั้งยังพบการทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย โดยยืนยันว่า การอภิปรายครั้งนี้ ฝ่ายค้านไม่ได้ถล่มพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เป็นการพูดถึงปัญหาเพื่อแก้ไขให้ตรงจุดมากกว่า

“รัฐบาล พรรครัฐบาล ไม่ต้องกังวลหรือเก็งข้อสอบ ไม่ต้องรีบตอบ ให้เวลาเต็มที่ ข้อเสนอแนะที่เป็นปัญหา ที่ท่านไม่เห็นปัญหา ให้ไปแก้ไขในเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องเก็งข้อสอบว่าจะเป็นการทำลายรัฐบาล แต่จะเป็นประโยชน์  ภาพใหญ่ที่จะอภิปรายคือนำปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ทั้งจน แพง ตาย เจ็บทั้งแผ่นดิน คือ วิกฤต เราต้องการบอกกับ ครม.ว่า ควรให้เรื่องวิกฤตเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยขณะนี้รัฐบาลเพิกเฉยกับปัญหา การอภิปรายตามมาตรา 152 คือ การเสนอข้อเท็จจริงและการแก้ปัญหา ยืนยันว่าไม่มีอคติ ถือโทษ ต้องขออภัยหากกระทบกระทั่งกัน “ นพ.ชลน่าน กล่าว


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาด บกพร่องของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาล คสช. เพื่อเสนอแนะ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจทรุด ประเทศเป็นหนี้ การใช้งบเงินกู้ที่ไม่เหมาะสม ของแพง ค่าแรงถูก เป็นความผิดพลาดการบริหารต้นทุน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เป็นภาวะเงินฝืด ราคาเฟ้อ ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศย่ำแย่ มีการผูกขาดไม่สร้างโอกาสประชาชน

“วิกฤตการเมืองที่รัฐบาลไม่สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองให้เป็นรูปธรรมและยังใช้มิติทางการเมืองทำลายล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่ชัดเจนคือ การลดทอนอำนาจการปกครองตนเองของท้องถิ่น ใช้ฐานอำนาจท้องถิ่นต่อรองเข้าสู่อำนาจ ในทางลงโทษผู้บริหารท้องถิ่น เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงการสร้างธุรกิจการเมือง สภาเสื่อม ไม่สามารถตรวจสอบได้ กินกล้วย ฉีดวัคซีน  20 – 30 ล้านบาท รับเงินเดือนประจำ 2-3แสนบาท ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในสังคม รัฐมนตรีต้องตอบว่า ทำไมต้องแจกกล้วย การแจกกล้วยทำให้เกิดปัญหาอื่นแบบครบวงจร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ แม้จะทำให้รัฐบาลได้เสียงข้างมาก แต่มีสภาพง่อนแง่น  ไร้เสถียรภาพ แต่ได้ทำทุกวิธีทาง เพื่อกวาดต้อนส.ส. เช่น ยุบพรรค ถือเป็นการทำลายล้างประชาธิปไตย” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2563 หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เคยถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม 238 คน ทำให้เกิดวิกฤต ขัดแย้งแก่งแย่ง แบ่งอำนาจภายในของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่ออยู่ไม่ได้ ต้องแสดงจุดยืน ซึ่งตนยังเชื่อว่า รัฐบาลจะทำเพื่อประชาชน  นอกจากระบบตรวจสอบการใช้อำนาจมีปัญหา สิ่งที่แย่ที่สุดคือได้ผู้นำที่ไร้ความสามารถ และด้อยที่สุดเข้ามาบริหาร ทั้งนี้ จากการสัมผัสและพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ภาพขณะนั้นเป็นผู้ชายอบอุ่น เมตตา มีความรับผิดชอบ แต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไร้ความเมตตา และจิตสำนึกความเป็นมนุษย์กับประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้นำ

“ผมขอถามว่า รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญต้นตอปัญหาของการเมืองที่ลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ หรือไม่ หากพรรคฝ่ายค้านเป็นองค์ประชุมให้ จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอให้ตอบ ไม่ใช่เก็บไปดอง ผมเชื่อว่านายกฯ รักประชาชน ขอให้เอาหัวใจมามองสิ่งดีๆ เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน ด้วยการประกาศออกจากตำแหน่ง จะลาออกจะแก้ปัญหาเร็ว เพื่อมีครม.ใหม่ หรือประกาศยุบสภา มอบอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ เชื่อจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด แพงทั้งแผ่นดินจะแก้ไขได้” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 2 ครั้ง และอภิปรายทั่วไป 1 ครั้ง ถึงปัญหาโรคระบาดของโควิด-19 แม้รัฐบาลจะมี ศบค. และทีมทำงาน กลับพบว่า การแก้ปัญหาไม่ดีขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลอาจมองว่าเป็นโชคช่วยเพราะเกาะโรคเพื่อดำรงอยู่ จึงเลี้ยงโรค เลี้ยงไข้ ตนไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นข้อเท็จจริง โชคดีที่โอไมครอน ช่วยชีวิต แต่การบริหารจัดการแผ่นดิน การจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีนและบูสเตอร์ที่ล่าช้า รวมถึงจำนวนวัคซีนล้นเมือง เป็นสิ่งต้องถามและเสนอแนะปัญหา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ตามที่รัฐบาลออกกฎหมายประมง ทำให้ประเทศและชาวประมงสูญเสียรายได้ 2 แสนล้านบาท  การแก้ปัญหาที่ชาวประมงเสนอแก้ไขกฎหมาย แต่ถูกนายกฯ ตีตก เพราะเป็นกฎหมายการเงินไม่ยอมส่งเข้าสภาฯ  รวมถึงปัญหาการทุจริตยาเสพติด

ทั้งนี้ขอให้ติดตามการสรุปจบของนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แม้ไม่ถึงกับเก็บศพ แต่จะหามใส่รถฉุกเฉินเข้าไอซียู หากไม่แก้ไข เดือนพฤษภาคมจะเก็บศพแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดทรมานประชาชน และขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย