รัฐสภา 17 ก.พ.- “ชลน่าน” ชี้เป้าปัญหาประเทศ จากรัฐธรรมนูญ-ผู้นำ กระทบเศรษฐกิจ สังคม จี้ นายกฯ ลาออก-ยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นวันแรก
โดยก่อนการเข้าสู่ญัตติ นายชวน ได้ย้ำถึงข้อปฏิบัติในการประชุมตามข้อบังคับการประชุม และให้ผู้ควบคุมเสียงแจ้งถึงข้อตกลงด้านเวลา โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เวลา รวม 22 ชั่วโมง แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย ได้เวลา 760 นาที พรรคก้าวไกล ได้เวลา 303 นาที พรรคเสรีรวมไทย 80 นาที พรรคประชาชาติ 57 นาที พรรคเพื่อชาติ 50 นาที พรรคพลังปวงชนไทย 30 นาที พรรคไทยศรีวิไลย์ 20 นาที และพรรคเศรษฐกิจใหม่ 20 นาที
ขณะที่ฝ่ายคณะรัฐมนตรี ได้เวลาชี้แจง รวม 8 ชั่วโมง ได้จัดสรรให้ส.ส.ในสัดส่วนแต่ละพรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ 44 นาที พรรคภูมิใจไทย 27 นาที พรรคประชาธิปัตย์ 23 นาที พรรคเล็กร่วมรัฐบาลที่มี ส.ส.เกิน 1 คนได้เวลา 6 นาที และพรรคเล็กที่มีส.ส. 1 คนได้เวลา 4 นาที
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่ล้มเหลว มีการก่อหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้หนี้ครัวเรือนของประชาชนและอัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 มียอดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ขณะที่รัฐบาลกลับไม่มีการเยียวยาที่ชัดเจน ประกอบกับมีการติดเชื้ออหิวาต์ในสุกร ทำให้ราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น เกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง และพบว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนรายใหญ่ ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดอื่นก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อีกทั้งรัฐบาลขาดความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่การเลือกตั้งก็ย้อนไปใช้ระบบอุปถัมภ์ ใช้เงินซื้อเสียง อีกทั้งยังพบการทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย โดยยืนยันว่า การอภิปรายครั้งนี้ ฝ่ายค้านไม่ได้ถล่มพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เป็นการพูดถึงปัญหาเพื่อแก้ไขให้ตรงจุดมากกว่า
“รัฐบาล พรรครัฐบาล ไม่ต้องกังวลหรือเก็งข้อสอบ ไม่ต้องรีบตอบ ให้เวลาเต็มที่ ข้อเสนอแนะที่เป็นปัญหา ที่ท่านไม่เห็นปัญหา ให้ไปแก้ไขในเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องเก็งข้อสอบว่าจะเป็นการทำลายรัฐบาล แต่จะเป็นประโยชน์ ภาพใหญ่ที่จะอภิปรายคือนำปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ทั้งจน แพง ตาย เจ็บทั้งแผ่นดิน คือ วิกฤต เราต้องการบอกกับ ครม.ว่า ควรให้เรื่องวิกฤตเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยขณะนี้รัฐบาลเพิกเฉยกับปัญหา การอภิปรายตามมาตรา 152 คือ การเสนอข้อเท็จจริงและการแก้ปัญหา ยืนยันว่าไม่มีอคติ ถือโทษ ต้องขออภัยหากกระทบกระทั่งกัน “ นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาด บกพร่องของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาล คสช. เพื่อเสนอแนะ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจทรุด ประเทศเป็นหนี้ การใช้งบเงินกู้ที่ไม่เหมาะสม ของแพง ค่าแรงถูก เป็นความผิดพลาดการบริหารต้นทุน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เป็นภาวะเงินฝืด ราคาเฟ้อ ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศย่ำแย่ มีการผูกขาดไม่สร้างโอกาสประชาชน
“วิกฤตการเมืองที่รัฐบาลไม่สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองให้เป็นรูปธรรมและยังใช้มิติทางการเมืองทำลายล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่ชัดเจนคือ การลดทอนอำนาจการปกครองตนเองของท้องถิ่น ใช้ฐานอำนาจท้องถิ่นต่อรองเข้าสู่อำนาจ ในทางลงโทษผู้บริหารท้องถิ่น เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงการสร้างธุรกิจการเมือง สภาเสื่อม ไม่สามารถตรวจสอบได้ กินกล้วย ฉีดวัคซีน 20 – 30 ล้านบาท รับเงินเดือนประจำ 2-3แสนบาท ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในสังคม รัฐมนตรีต้องตอบว่า ทำไมต้องแจกกล้วย การแจกกล้วยทำให้เกิดปัญหาอื่นแบบครบวงจร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ แม้จะทำให้รัฐบาลได้เสียงข้างมาก แต่มีสภาพง่อนแง่น ไร้เสถียรภาพ แต่ได้ทำทุกวิธีทาง เพื่อกวาดต้อนส.ส. เช่น ยุบพรรค ถือเป็นการทำลายล้างประชาธิปไตย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2563 หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เคยถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม 238 คน ทำให้เกิดวิกฤต ขัดแย้งแก่งแย่ง แบ่งอำนาจภายในของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่ออยู่ไม่ได้ ต้องแสดงจุดยืน ซึ่งตนยังเชื่อว่า รัฐบาลจะทำเพื่อประชาชน นอกจากระบบตรวจสอบการใช้อำนาจมีปัญหา สิ่งที่แย่ที่สุดคือได้ผู้นำที่ไร้ความสามารถ และด้อยที่สุดเข้ามาบริหาร ทั้งนี้ จากการสัมผัสและพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ภาพขณะนั้นเป็นผู้ชายอบอุ่น เมตตา มีความรับผิดชอบ แต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไร้ความเมตตา และจิตสำนึกความเป็นมนุษย์กับประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้นำ
“ผมขอถามว่า รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญต้นตอปัญหาของการเมืองที่ลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ หรือไม่ หากพรรคฝ่ายค้านเป็นองค์ประชุมให้ จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอให้ตอบ ไม่ใช่เก็บไปดอง ผมเชื่อว่านายกฯ รักประชาชน ขอให้เอาหัวใจมามองสิ่งดีๆ เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน ด้วยการประกาศออกจากตำแหน่ง จะลาออกจะแก้ปัญหาเร็ว เพื่อมีครม.ใหม่ หรือประกาศยุบสภา มอบอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ เชื่อจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด แพงทั้งแผ่นดินจะแก้ไขได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 2 ครั้ง และอภิปรายทั่วไป 1 ครั้ง ถึงปัญหาโรคระบาดของโควิด-19 แม้รัฐบาลจะมี ศบค. และทีมทำงาน กลับพบว่า การแก้ปัญหาไม่ดีขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลอาจมองว่าเป็นโชคช่วยเพราะเกาะโรคเพื่อดำรงอยู่ จึงเลี้ยงโรค เลี้ยงไข้ ตนไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นข้อเท็จจริง โชคดีที่โอไมครอน ช่วยชีวิต แต่การบริหารจัดการแผ่นดิน การจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีนและบูสเตอร์ที่ล่าช้า รวมถึงจำนวนวัคซีนล้นเมือง เป็นสิ่งต้องถามและเสนอแนะปัญหา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ตามที่รัฐบาลออกกฎหมายประมง ทำให้ประเทศและชาวประมงสูญเสียรายได้ 2 แสนล้านบาท การแก้ปัญหาที่ชาวประมงเสนอแก้ไขกฎหมาย แต่ถูกนายกฯ ตีตก เพราะเป็นกฎหมายการเงินไม่ยอมส่งเข้าสภาฯ รวมถึงปัญหาการทุจริตยาเสพติด
ทั้งนี้ขอให้ติดตามการสรุปจบของนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แม้ไม่ถึงกับเก็บศพ แต่จะหามใส่รถฉุกเฉินเข้าไอซียู หากไม่แก้ไข เดือนพฤษภาคมจะเก็บศพแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดทรมานประชาชน และขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน.-สำนักข่าวไทย