ทำเนียบฯ 12 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ กำชับรัฐมนตรีทุกกระทรวงกำกับติดตามให้เป็นไปตามเป้าหมายผลักดันเม็ดเงินเข้าระบบฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 แนะหน่วยงานกำหนดโครงการสอดคล้องวิถีใหม่ new normal ลดปัญหาเบิกจ่ายพลาดเป้า
วันที่ 12 ก.พ. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงบประมาณได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทราบถึงภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2565 โดยพบว่า ณ ไตรมาสที่1 (ต.ค.-ธ.ค.2564) ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนมีการเบิกจ่าย ก่อหนี้ผูกพันสูงกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาด ยังส่งผลให้หลายหน่วยงานต้องปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทำให้บางส่วนมีการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ในส่วนนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับ ให้แต่ละกระทรวง หรือหน่วยงานพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน กำหนดโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องกับปริบทใหม่ หรือ New Normal เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมาย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อให้เม็ดเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณ คือให้มีการเร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบลงทุนรายการปีเดียว โดยให้ก่อหนี้ผูกพันให้เสร็จภายในไตรมาสที่2ของปีงบประมาณ (ม.ค.-มี.ค.2565) และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด รัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย กำกับหน่วยรับงบประมาณ ดูแล เร่งรัด ติดตามและประเมินการปฏิบัติงานการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งสำนักงบประมาณนำผลการเบิกจ่ายที่เกิดขึ้นมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณางบประมาณปี 2566 ด้วย
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ณ ไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2565(1ต.ค.-31ธ.ค.2564) มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปทั้งสิ้น 9.86 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.83 ของงบประมาณรวม 3.1 ล้านล้านบาท มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 1.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.46 สูงกว่าเป้าหมายอยู่ร้อยละ 1.83 และร้อยละ 2.38 ตามลำดับ
ทั้งนี้ แยกเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ 8.89 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.70 จากวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำรวม 2.49 ล้านล้านบาท ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 8.98 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.07 สูงกว่าเป้าหมาย ร้อยละ 1.70 และร้อยละ 0.74 ตามลำดับ
ในส่วนของการเบิกจ่ายงบลงทุน มีการเบิกจ่าย 9.70 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.95 ของวงเงินรายจ่ายลงทุนทั้งหมด 6.08 แสนล้านบาท ก่อหนี้ผูกพันแล้ว 2.31 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.04 สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2.95 และร้อยละ 9.08 ตามลำดับ .-สำนักข่าวไทย