กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – นิด้าโพลเผยผลสำรวจคะแนนนิยมศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ” แรงไม่ตก ทิ้งห่าง “อัศวิน” และ “สุชัชวีร์”
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 10” สำรวจระหว่างวันที่ 31 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,324 หน่วยตัวอย่าง
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.24 ระบุว่าเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 12.09 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 11.03 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 4 ร้อยละ 8.31 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 5 ร้อยละ 8.08 ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) อันดับ 6 ร้อยละ 6.72 ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 7 ร้อยละ 5.59 ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 8 ร้อยละ 3.55 น.ส.รสนา โตสิตระกูล อันดับ 9 ร้อยละ 1.96 จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 10 ร้อยละ 1.81 นายสกลธี ภัททิยกุล
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 9 เดือนมกราคม 2565 พบว่าผู้ที่ระบุว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) ยังไม่ตัดสินใจ จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายสกลธี ภัททิยกุล และผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ มีสัดส่วนลดลง
ขณะผู้ที่ระบุว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) น.ส.รสนา โตสิตระกูล และผู้สมัครจากพรรคกล้า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ด้านบุคคลที่ประชาชนจะเลือกให้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อันดับ 1 ร้อย 26.96 ผู้สมัครในทีมนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อันดับ 2 ร้อยละ 10.65 ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 10.05 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.97 ผู้สมัครในทีม ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 9.67 ผู้สมัครในทีม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
เพื่อไทยเสนอทางออกแก้ปัญหาสภาฯ ล่ม
ส่วนปัญหาสภาฯ ล่ม 2 ครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สภาฯ ล่มทั้งหมด 16 ครั้ง ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ สาเหตุเนื่องจากปัจจุบันมีเสียง ส.ส. ทั้งหมด 473 เสียง ครึ่งหนึ่งคือ 237 เสียง เสียงรัฐบาลมี 245 เสียง เมื่อหักเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และหักเสียงประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ อีก 3 เสียง เท่ากับรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 5 เสียง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรี ถ้านับองค์ประชุมเมื่อไรก็ล่มเมื่อนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ ปรับ ครม. ก่อนปิดสมัยประชุม หรือยุบสภาฯ
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อระบุถึงการแก้ปัญหาสภาฯ ล่มว่า แก้ไม่ยาก คือให้พิจารณานำบทบัญญัติที่เคยกำหนดไว้ในช่วงที่มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และบางสภาฯ เพื่อแก้ปัญหาและทำได้ผล คือ 1.เขียนในรัฐธรรมนูญให้ ส.ส.สิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ 2.กำหนดไว้ในข้อบังคับให้สมาชิกที่ไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาฯ เกินกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนครั้งที่แสดงตน เพื่อลงมติทั้งหมดในรอบระยะเวลา 90 วัน ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ และ 3.กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่น ว่าสมาชิกผู้ใดไม่มาประชุมเกินกึ่งหนึ่งของกําหนดนัดประชุมในแต่ละเดือน ไม่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มเป็นรายเดือนสําหรับเดือนนั้น ซึ่งได้ผลดี
โฆษกรัฐบาลท้าเพื่อไทยกล้ายกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ระบุว่ารัฐบาลประกาศจะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 20 ล้านคน หมายถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกมาเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ช่วยลดค่าครองชีพ ซึ่งจะมีประชาชนได้ประโยชน์จำนวนมาก ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย หากได้เป็นรัฐบาลก็ประกาศยกเลิกได้ และถ้าพรรคเพื่อไทยคิดว่าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการช้อปดีมีคืน เป็นแค่การหลอกล่อให้คนไทยดีใจชั่วคราวเท่านั้น ก็ขอให้ประกาศเป็นนโยบายพรรคออกมาเลยว่าการเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคเพื่อไทยจะยกเลิกทุกโครงการเหล่านี้ การเลือกตั้งสมัยหน้าประชาชนจะได้ตัดสินใจถูกว่าควรจะเลือกพรรคการเมืองใด.-สำนักข่าวไทย