ทำเนียบรัฐบาล 2 ก.พ.-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ปลื้มคนละครึ่งเฟส 4 วันแรกคึกคัก ใช้สิทธิกว่า 5 ล้าน เศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบกว่าหนึ่งพันล้าน ฝากเตือนห้ามแลกสิทธิเป็นเงินสด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ของรัฐ ในรอบปีใหม่นี้ 2565 ประกอบด้วยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่รัฐบาลเพิ่มวงเงินสนับสนุนในการช่วยลดภาระการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
“โครงการเพิ่มกำลังซื้อแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ รัฐบาลได้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายจำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้จ่ายตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 ส่วนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 กระทรวงการคลังได้โอนเงินจำนวน 1,200 บาทเข้าแอปฯ เป๋าตังแล้ว และให้กดยืนยันใช้สิทธิและใช้จ่ายได้เมื่อวาน(1 ก.พ.) เป็นวันแรก ความคืบหน้าข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.พ. โครงการคนละครึ่ง ระยะ 4 มีผู้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการวันแรก 16.93 ล้านคน มีผู้ใช้สิทธิ 5.1 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 1,155 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดใช้จ่ายจากประชาชน 585 ล้านบาท ยอดรัฐร่วมจ่าย 570 ล้านบาท” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 (กลุ่มเดิม) มีจำนวน 27.98 ล้านสิทธิที่กดยืนยันสิทธิในแอปฯ เป๋าตังจะต้องเริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 จนกว่าจะครบ 29 ล้านสิทธิ โดยกลุ่มนี้สามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ประชาชน-ร้านค้า ใช้จ่ายโครงการเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์บรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าจ่าย ห้ามแลกเป็นเงินสดซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย หากระบบตรวจพบว่าทุจริตจะถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางราชการ ถูกเพิกถอนสิทธิทั้งร้านค้าและประชาชนโดยร้านค้าจะถูกระงับใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ แอปพลิเคชันถุงเงินของร้านค้า และจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐในอนาคตที่มีทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องได้
“นายกรัฐมนตรีพอใจสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงต้นปี ปัญหาสินค้าราคาแพงเริ่มคลี่คลาย สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมเป็นไปในทิศทางที่ควบคุมได้ กระแสการใช้จ่ายทยอยฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายและเปิดประเทศ ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดส รวมทั้งสถานประกอบการต่าง ๆ ส่วนใหญ่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ เพียงแค่วันแรกของโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ประชาชน ร้านค้าต่างคึกคัก เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในช่วง 2 เดือนนี้ได้เป็นอย่างดี” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย