ทำเนียบรัฐบาล 1 ก.พ.-รองโฆษกรัฐบาล เผย รมว.สธ. รายงานเดินหน้าโครงการให้สิทธิผู้ป่วยโรคไตที่ใช้สิทธิบัตรทองเลือกฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมฟรีทุกกรณีตั้งแต่วันนี้
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขรายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทราบถึงความคืบหน้าการให้สิทธิผู้ป่วยโรคไตที่ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเลือกฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมฟรีทุกกรณี โดยจะเริ่มการให้สิทธิตั้งแต่วันนี้(1 ก.พ.) เป็นต้นไป เพื่อลดภาระประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยไตในระบบบัตรทองทั่วประเทศจำนวน 63,694 คน ซึ่งเดิมตามขั้นตอนการรักษาจะเริ่มการรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้อง และจะเข้ารับการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียม เมื่อผู้ป่วยมีสภาพร่างกายและมีเงื่อนไขเป็นไปตามที่กําหนด
“ที่ผ่านมามีผู้ป่วยกว่า 6,500 คน ที่ไม่เข้าเงื่อนไข แต่ต้องการใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือด ต้องชําระค่าใช้จ่ายเองครั้งละ 1,500 บาท ซึ่งนับเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ถึงขั้นสุ่มเสี่ยงต่อภาวะล้มละลายจากการรักษาพยาบาล ดังนั้น รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข จึงเข้ามาแก้ปัญหาด้วยนโยบายล้างไตรฟรีทุกกรณี ทั้งวิธีล้างไตทางช่องท้อง และฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินรายงานต่อครม.ว่าการเลือกวิธีรักษาจะพิจารณาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลเครือข่ายกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความพร้อมกว่า 663 แห่งทั่วประเทศ เป็นการเดินหน้านโยบายที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตัดสินร่วมกับแพทย์ประเมินเลือกการรักษาที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วยไตแต่ละราย ขยายทางเลือกด้านการบริการให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขวางแผน สนับสนุน มาตรการป้องกันและชะลอความเสื่อมไตให้เข้าสู่โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายให้น้อยที่สุด บูรณาการทุกหน่วยงาน สนับสนุนนโยบาย ยกระดับงานดูแลประชาชน ทั้งได้เพิ่มจํานวนหน่วยบริการฟอกเลือดและการเพิ่มบุคลากรที่เกี่ยวข้องในระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับจํานวนผู้ป่วยในอนาคต คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยไต
“การให้สิทธิผู้ป่วยโรคไตที่ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเลือกฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมฟรีทุกกรณีนี้เป็นมิติใหม่การให้บริการแก่ประชาชนของรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นจะช่วยเหลือ ลดภาระค่าใช้จ่ายและยกระดับระบบสาธารณสุข เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จุดเด่นของประเทศไทยเป็นประเทศซึ่งมีระบบสาธารณสุขดีเยี่ยมเป็นที่ยอมรับในระดับโลก” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว .-สำนักข่าวไทย