สร้างอนาคตใหม่ชัด ไม่หนุน “พล.อ.ประยุทธ์”

กรุงเทพฯ 19 ม.ค.-“อุตตม –สนธิรัตน์” เปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย ชูจุดยืนไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกง ไม่ปล้นชาติ ลั่นออกจากพปชร.แล้วไม่หันหลังกลับ พร้อมเสนอแคนดิเดตนายกฯ 3 ชื่อ ไม่มี “พล.อ.ประยุทธ์”


นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยและผู้ร่วมก่อตั้งพรรค โดยมีสโลแกนว่า “ฟื้นเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ” ซึ่งการเปิดตัววันนี้(19 ม.ค.) มีทั้งอดีตนักการเมือง โดยเฉพาะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งลาออกคือนายสุพล ฟองงาม นายสันติ กีระนันท์ และจากพรรคการเมืองอื่น อาทิ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตโฆษกหลายกระทรวง นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ คนสนิทนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตแกนนำพรรคกล้า นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า

นายมนต์ชีพ ศิวะนางกูร หรือนายสะอาด นักร้องนักดนตรีชื่อดัง นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพ รองเลขาจุฬาราชมนตรี บุตรชายนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆและปราชญ์ชาวบ้าน


ขณะเดียวกันมีนักการเมืองเข้าร่วมสังเกตการณ์ก่อนตัดสินใจจะทำงานร่วมกับพรรคสร้างอนาคนไทยหรือไม่ หลังจากที่ได้รับการทาบทามและชักชวนให้มาร่วมงาน อาทิ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีความสนิทสนมกับนายอุตตม ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มาร่วมงานเปิดตัวด้วย

นายอุตตม ประกาศเจตนารมย์ว่า จะทำงานเพื่อบ้านเมือง แก้ปัญหาที่สั่งสม และสร้างอนาคตไทย ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยจะไม่ได้เป็นเพียงพรรคการเมือง แต่จะเป็นพื้นที่เปิดเพื่อรวบรวมกลุ่มคนหลากหลายสาขาอาชีพทุกภาคส่วน ทุกเพศ ทุกวัย ที่จะมาช่วยกันระดมความคิด ช่วยกันฟื้นเศรฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ ขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

“พวกเราหารือร่วมกันมีความเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้มีความน่าเป็นห่วงมาก ทั้งมิติเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะเศรษฐกิจปัญหาปากท้องประชาชนเดือดร้อนทุกทั่วย่อมหญ้า รายได้สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งภัยพิบัติโควิด-19 ที่ยังไม่เห็นว่าจะไปถึงจุดสิ้นสุดเมื่อใด ในมิติด้านสังคม เมื่อเศรษฐกิจสะดุดลงปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มมากขึ้นกระทบความมั่นคงทางสังคม ปั่นทอนคุณภาพชีวิตและความหวังของคนไทยในอนาคต ตลอด 1 ปีครึ่ง ผมและนายสนธิรัตน์ที่ออกจากรัฐบาลได้พบเจอผู้คนรับฟังเสียงสะท้อน คือความต้องการที่อยากเห็น สมการการเมืองที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง” นายอุตตม กล่าว


นายอุตตม กล่าวว่า อยากเห็นพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มประชาชนหลายหลายภาคส่วน ระดมกำลังแก้ไขปัญหาประเทศ เพื่อจะไม่ต้องเผชิญกับความท้อแท้และไม่ต้องกังวลถึงอนาคตว่าจะไปต่ออย่างไร  พรรคสร้างอนาคตไทยถือกำเนิดเกิดจากกกล่มบุคคลากร หลากหลายความรู้ หลายประสบการณ์ และจากทุกภาคส่วน จากสายการเมือง เชิญชวนผู้คนที่อาจไม่พร้อมทำงานการเมือง แต่มีใจสนับสนุนความคิดแก้ปัญหาเพื่อประเทศชาติ ได้เชิญชวนบุคคล อดีตรัฐมนตรี ผู้บริหารจากภาคเอกชน โดยจะเริ่มรับฟังความเห็น เพื่อกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ 

“ปัญหาบ้านเมืองใหญ่หลวงนักไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในคนจำนวนน้อย จากนี้ไปพวกเราที่แสดงเจตจำนงค์วันนี้จะเริ่มรับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวความคิด นโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทางปฎิบัติที่ทำได้จริง เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศในปัจจุบันจนถึงการวางรากฐานของอนาคต โดยมุ่งมั่นว่าคนไทยต้องมีความหวังที่จับต้องได้ มีโอกาสพัฒนาความสามารถ ความฝันของแต่ละคน เข้าถึงแหล่งทุนต่อยอดความคิด ธุรกิจตัวเอง มีสิทธิเสรีภาพ ได้รับความยุติธรรม เสมอภาค พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกง ไม่ปล้นชาติ เราจะอาสาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทย เราเคยสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยทำงานร่วมกันให้บ้านเมือง แต่เมื่อเงื่อนไขการเมืองเปลี่ยนก็ออกมา มีพรรคใหม่ ไม่ได้ทำเพื่อใคร และพวกเราเดินมาเเล้วไม่หันหลังกลับ” นายอุตตม กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนและนายอุตตมไม่ได้คิดจะกลับมาทำงานการเมืองอีก ถือว่าเพียงพอแล้วกับการทำงานที่ผ่านมาหลายปี แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19  ที่กระทบกับประชาชน เกิดความสิ้นหวัง จึงหารือพูดคุยกันเป็นระยะ และมีความจำเป็นขออาสามาเป็นความหวังให้กับประชาชนแก้วิกฤติ การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้น เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะเป็นความหวัง ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ว่าพรรคสร้างอนาคตไทยจะนำพาบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤติ

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลายคนช่วยอยู่เบื้องหลังเพราะยังไม่พร้อมและไม่อยากเปิดเผยตัว เพราะการเมืองไทยการเป็นเรื่องที่ยาก พร้อม ย้ำว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ใช่พรรคของตนเองและนายอุตตม แต่ตนสองคนเป็นเพียงผู้อาสาที่จะสร้างอนาคต โดยวันนี้บุคคลกรที่พร้อมเปิดตัวเป็นเพียงชุดแรก แต่ยังมีอีกจำนวนมากไม่ได้เปิดตัว แต่พร้อมสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง วันนี้ตั้งใจว่าพรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นเสาหลักต้นหนึ่งในทางการเมือง

“สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพรรคจะเสนอ 3 ชื่อตามกฎหมาย แต่ไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคนี้ ยอมรับว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์มีความเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่สุดท้ายพรรคต้องพิจารณาร่วมกัน อีกทั้งพรรคมีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น เพราะจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักและไม่สร้างความแตกแยก” นายสนธิรัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งเร่งออกโฉนดให้ชาวบ้านหนองจาน

สรแก้ว 25 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งที่ดินจังหวัดเร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ชาวบ้านหนองจานโดยเร็ว พร้อมส่งทีมสำรวจ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดนให้แล้วเสร็จ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดินจังหวัด ป่าไม้ ส.ป.ก. ชี้แจงกรณีปัญหาของที่ดินบ้านหนองจาน พร้อมให้ประชาชนแสดงการยื่นเอกสารสิทธิการถือครองที่ดิน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนดให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านกุดผือ ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โดยเร็ว โดยมีชาวบ้านนำเอกสารสิทธิ น.ส.2 สค.1 น.ส.3 มายื่นให้เจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบการคัดกรองเพื่อออกโฉนดที่ดินตามนโยบายเร่งด่วน ซึ่งจังหวัดจะแบ่งทีมสำรวจลงพื้นที่เป็น 3 ชุด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินตามแนวชายแดน ตั้งแต่พื้นที่อำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สร้างความดีใจให้กับประชาชนเป็นอันมาก.- สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอกประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดนไม่เคยจบง่าย บางประเทศใช้เวลาเป็นร้อยปี อย่ากังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องรั้วลวดหนามอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับที่พูดคุยกันมา […]