“ชัยวุฒิ” เชื่อไร้ปัญหาในพปชร.หลังพ่ายเลือกตั้งใต้

หลักสี่ 18 ม.ค.- “ชัยวุฒิ” เชื่อไร้ปัญหาใน พปชร. หลังแพ้สนามเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ ปัดตอบปม “อุตตม-สนธิรัตน์” ตั้งพรรค เชื่อไม่เกี่ยว “พล.อ.ประยุทธ์” มองเลือด พปชร.ไหลออกเป็นเรื่องปกติ บอกใกล้เลือกตั้ง ย้ายเยอะกว่านี้แน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง ลงพื้นที่ช่วย นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร หาเสียงที่ตลาดมาร์เก็ตทูเดย์ วิภาวดี 64 โดยนางสรัลรัศมิ์ ย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐมีจุดประสงค์เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน และการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง


ขณะที่นายชัยวุฒิ กล่าวถึงปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐหลังการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคใต้ โดยยืนยันว่า ไม่ถึงกับเป็นรอยร้าว แต่เมื่อเสร็จการเลือกตั้งก็ต้องมาประเมินความผิดพลาดว่ามีอะไรที่เป็นจุดอ่อน หรือสิ่งที่ทำไม่ดีเพื่อจะได้แก้ไข ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคการเมืองจะต้องมีการพูดคุยกันสิ่งใดไม่ดีก็ตักเตือนแก้ไข ไม่ได้เป็นความขัดแย้งอะไร

“ขอแกนนำอย่าไปโทษกันไปกันมาเลยดีกว่า เพราะภาคใต้เป็นฐานเสียงที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว เป็นแชมป์เก่า และผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนที่ประชาชนในพื้นที่คุ้นเคยเป็นนักการเมืองในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นการที่พรรคพลังประชารัฐแพ้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่พรรคเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ตัวของผู้สมัครด้วย ไม่เหมือนกรุงเทพฯ ที่เราเป็นแชมป์เก่า เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม และก็มีฐานเสียงที่ดีกว่า ก็มีโอกาสที่จะชนะมากกว่า” นายชัยวุฒิ กล่าว


นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า การพ่ายแพ้ในพื้นที่ภาคใต้นั้นส่งผลมาถึงกรุงเทพฯด้วย แต่เป็นผลดี เพราะภาคใต้เป็นตัวอย่างได้ชัดเจนว่าคะแนนของพรรครัฐบาลมีคะแนนนิยมสูงขึ้น มีคนเลือกตั้งมากขึ้น แสดงว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมา แก้ปัญหาต่างๆประชาชนยอมรับและมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น และคิดว่าที่กรุงเทพฯก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่กังวลสำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่หลักสี่-จตุจักร ที่หลายพรรคก็ระดมบุคคลสำคัญลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าเป็นเรื่องดี เป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนลงพื้นที่มาหาเสียง เสนอตัวและนโยบายให้ประชาชนเป็นตัวเลือก แต่อย่างไรก็ตามพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล เป็นพรรคหลักที่ประชาชนรู้จักคุ้นเคยและมีความเชื่อมั่นอยู่แล้วจึงคิดว่ามีความได้เปรียบในการเลือกตั้งอยู่แล้ว

ส่วนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐนั้นนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือยังไม่ได้ข้อสรุป พร้อมยอมรับเป็นเรื่องปกติที่การปราศรัยในแต่ละครั้งจะต้องกำชับให้ทุกคนปราศรัยอย่างไม่ผิดกฎหมาย อย่าพูดอะไรที่จะทำให้โดนฟ้องร้อง แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหา ซึ่งการปราศรัยก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนชอบหรือไม่ชอบ

“ของแบบนี้ต้องเปิดใกล้ๆ ไม่ต้องรีบหรอก และไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการปราศรัย เพราะพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครได้มีการสื่อสารกับประชาชนอยู่ตลอดเวลา จึงเชื่อว่าประชาชนรู้จักและรู้อยู่แล้วว่าจะเลือกพรรคไหน จะเลือกใคร เพราะเหตุอะไร การปราศรัยจึงไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจเลือกตั้ง” นายชัยวุฒิ กล่าว


ส่วนกรณีที่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทยอยลาออกเพื่อไปร่วมพรรคการเมืองใหม่กับนายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอุตตม ที่ได้ตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ตนไม่ทราบมาก่อนว่า จะมีคนจากพรรคพลังประชารัฐลาออก แต่เท่าที่ดูคนที่ลาออกไป ก็เป็นคนที่สนิทกับนายอุตตมอยู่แล้ว เป็นคนกลุ่มเดียวกันที่เข้ามาตอนก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะย้ายตามกันไป และเป็นไปได้ที่หลังจากนี้จะมีคนในพรรคทยอยลาออกไปอีก

“ก็เป็นไปได้ เพราะว่าท่านอุตตม ท่านสนธิรัตน์ ก็เคยเป็นคนที่อยู่ในพรรค ก็คงมีคนที่สนิทและคุ้นเคย พูดง่ายๆว่าเป็นทีมงานเดียวกัน ก็คงชวนบางคนออกไปอยู่ด้วย เช่นอาจารย์สันติ กีระนันทน์ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน กับอาจารย์สมคิดกับอาจารย์อุตตม เขามาด้วยกันนะครับ “ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นธรรมดาทางการเมือง พวกใครพวกมัน อย่าคิดมาก มันก็มีคนเข้าออกธรรมดา ทุกพรรคเป็นเหมือนกัน เดี๋ยวตอนใกล้เลือกตั้ง ก็จะมีย้ายกันเยอะกว่านี้อีก ใจเย็นๆ และคนที่ลาออกจากพรรค ก็เป็น บัญชีรายชื่อ ก็จะมีชื่อขึ้นมาทดแทน จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่องานในสภาผู้แทนราษฎรและไม่ส่งผลต่อเสียงในสภาของพรรคพลังประชารัฐ” นายชัยวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคใหม่ของนายอุตตม มีวัตถุประสงค์ตั้งมาเป็นพรรคสำรอง เพื่อรองรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตอบยาก เพราะวันนี้ยังไม่ทราบเลยว่า พรรคดังกล่าวสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดูจากกลุ่มที่ตั้งพรรค คงไม่น่าเกี่ยวข้องกับพลเอกประยุทธ์

“เขารู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นคนทำพรรคนี้ ไม่เกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ ถ้าเป็นพรรคพลเอกประยุทธ์ คงไม่ใช่หน้าตาแบบนี้” นายชัยวุฒิ กล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าถ้าเป็นพรรคพลเอกประยุทธ์หน้าตาเป็นแบบใด นายชัยวุฒิ กล่าวแบบติดตลกว่า “ถ้ามีก็จะเห็นเอง แต่คงไม่มีหรอก เพราะว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองเอง. สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]