หลักสี่ 18 ม.ค.-“พิธา” เชื่อเลือกตั้งซ่อมใต้ไม่กระทบก้าวไกลแพ้หลักสี่-จตุจักร เหตุบริบทต่างกัน เคาะปราศรัยใหญ่ 22 ม.ค. “กรุณพล” ขอกองทัพเปิดพื้นที่หาเสียง ชี้ เป็นสิทธิทางประชาธิปไตย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ช่วยนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ที่ตลาดมาร์เก็ตทูเดย์ ซ.วิภาวดี 64 โดยนายพิธา กล่าวว่า การลงพื้นที่เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเห็นบรรยากาศของประชาธิปไตย ที่มีการแข่งขันกันนำเสนอผู้สมัครและนโยบายในยามที่ประเทศปั่นป่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อยากให้รักษามาตรฐานการลงพื้นที่พบปะประชาชนไว้ ขณะเดียวกันรู้สึกดีใจที่ในสัปดาห์นี้จะมีญัตติสภาด่วน เกี่ยวกับสินค้าราคาแพง ซึ่งนอกจากจะลงพื้นที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงแล้ว ก็มาเก็บข้อมูลว่าจะมีเรื่องใดนำเสนอต่อรัฐบาลในสภาด้วย
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงของรัฐบาลถือว่าล่าช้า ที่ผ่านมาแทบไม่มีสัญญาณอะไรบอกว่าเงินเฟ้อและทำให้สินค้าแพงขึ้น งบประมาณกองทัพต้องเปลี่ยนเป็นงบประมาณเศรษฐกิจฐานราก ประเทศไทยจึงจะรอด หากต้องการผู้แทนที่กล้าหาญ และเข้าใจระบบเศรษฐศาสตร์ เห็นว่า นายกรุณพลนั้นมีความเหมาะสม
“เป็นเรื่องน่าเสียดาย แทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงเวลาการหาเสียงมาพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับมาใช้เวลานี้โจมตีกันเองในรัฐบาล จึงอยากฝากไปยังรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ว่า อย่าละเลยประชาชนในช่วงที่กำลังลำบาก การลงเลือกตั้งเป็นการขอความไว้วางใจกับประชาชน และตอบสนองความต้องการของประชาชน คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องการจะได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ในช่วงที่ประชาชนกำลังลำบากขนาดนี้” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า จะต้องปรับกลยุทธ์การหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายให้ละเอียดมากขึ้น โดยจะจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. นี้ ที่ลานเสนานิคม 2 เพื่อจะทำให้เข้าไปอยู่ในใจของประชาชนให้มากที่สุดในระยะเวลาที่เหลืออยู่
“ปัญหารอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากขึ้นในการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร แต่ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด เพราะยังมีบริบทในพื้นที่ที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเปรียบเทียบจากพื้นที่อื่นได้ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตหลักสี่ ที่มีเรื่องของสังคมสูงวัย และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความท้าทายแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความมั่นคงและงบกองทัพเท่านั้น ย้ำว่าผู้สมัครของพรรคก้าวไกล กล้าชนทุกสถานการณ์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
ส่วนปัญหาของรัฐบาล จะส่งผลถึงการเลือกตั้งซ่อมอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ พบว่าประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาล ต้องลองดูว่าสุดท้ายจะส่งผลมากน้อยแค่ไหน แต่จะพยายามแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พร้อมนำเสนอนโยบายให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาควบคู่กัน อีกทั้งยังจะนำปัญหาไปหารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อยื่นเป็นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะยื่นได้ช่วงสัปดาห์นี้ แต่ก็คงต้องหารือกันอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่ละเลยทั้งงานในสภาและนอกสภา
เมื่อถามถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคก้าวไกล หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า บุคคลที่พรรคจะส่งลงรับเลือกตั้งสู้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ได้อย่างแน่นอน ซึ่งหลังเปิดตัวอาจลงพื้นที่มาร่วมหาเสียงด้วย
ด้านนายกรุณพล กล่าวถึงการยื่นเรื่องขอเข้าหาเสียงในค่ายทหาร ว่า ได้รับการตอบกลับมาว่ามีพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่ขอเข้าไปหาเสียง ยังไม่มีพรรคอื่นขอเข้ามา เพราะฉะนั้นจึงยังไม่อนุญาต เพราะจะเป็นการได้เปรียบพรรคอื่น แต่ตนมองว่า การเปิดพื้นที่สาธารณะ พรรคใดจะเข้าไปหาเสียงก็เป็นสิทธิทางประชาธิปไตย ถ้ารอให้ทุกพรรคขอเข้าไปหาเสียงจนถึงวันเลือกตั้ง คงไม่ได้เข้าไป
“พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพิ่มสวัสดิการทหาร ลดจำนวนนายพลลง และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งการไม่ได้เข้าไปประชาสัมพันธ์ คิดว่ามีผลกระทบกับคะแนนเสียง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ที่อยากเข้าไปไม่ใช่แค่อยากปฏิรูปกองทัพ แต่อยากให้คนในกองทัพได้รู้ว่า ความยุติธรรมที่ประชาชนอยากหยิบยื่นให้คนในกองทัพคืออะไร เชื่อว่าเจ้าหน้ารัฐ ไม่ว่าจะหน่วยงานไหนจะดำรงความยุติธรรมไว้ตามที่ให้คำสัตย์ไว้ก่อนจะเข้ารับราชการ แต่ที่ห่วงคือความเข้าใจผิด ห่วงสวัสดิการทหาร ตำรวจ และเรื่องตั๋วช้าง เพราะเชื่อว่าคนทุกคนเท่ากัน เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ก็ควรได้เลื่อนตำรวจ และไม่อยากให้ใครก้าวข้ามหัวใคร หรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง” นายกรุณพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย