ยอดผู้ติดเชื้อโควิดเป็นไปตามคาด

ทำเนียบ 14 ม.ค.-ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 8,158 ราย หากรวมผลตรวจ ATK ยอดอยู่ที่ 10,877 ราย แต่ยังอยู่ในตัวเลขประมาณการ ยังพบครัสเตอร์ร้ายอาหาร งานบุญ และโรงงาน มีปัจจัยเสี่ยงจากการรับประทานอาหารร่วมกัน เดินทางข้ามจังหวัด ย้ำยังคงเข้มนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ หลัง 15 ม.ค.ยังมาได้สำหรับผู้ลงทะเบียนไว้แล้ว  

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19  หรือ ศบค. แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 8,158 ราย  ติดเชื้อในประเทศ 7,905 ราย  ติดเชื้อจากต่างประเทศ 242 ราย จากเรือนจำ  ที่ต้องขัง 11 ราย   หายป่วยแล้ว 3,942 ราย  ผู้ป่วยรักษาอยู่ 74,795 ราย  รักษาในโรงพยาบาล  42,004 ราย   รักษาในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 32,791 ราย   ผู้ป่วยอาการหนัก 510 ราย  ใส่เครื่องช่วยหายใจ 105 ราย  ผู้เสียชีวิต 15 คน


ส่วนการตรวจ ATK รวมทั้งประเทศ (13 ม.ค.) จำนวน   116,906 ตัวอย่าง  พบผู้ติดเชื้อ 2,719 ราย  หากรวมกับผลตรวจ RT-PCR จำนวน 8,158 ราย จะอยู่ที่ 10,877 ราย ซึ่งยังคงอยู่ในตัวเลขประมาณการที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานก่อนหน้านี้

จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัด ชลบุรี 825 ราย  กรุงเทพ 766 ราย สมุทรปราการ 735   ราย  ภูเก็ต 441 ราย  นนทบุรี 368 ราย  ขอนแก่น 299 ราย  อุบลราชธานี 269 ราย  ปทุมธานี 191  ราย  เชียงใหม่ 189 ราย  และสมุทรสาคร 181  ราย  


ผู้เสียชีวิต 14 คน  เป็นชาย 8 ราย  หญิง 7 ราย  อายุ 60 ปีขึ้นไป 9 ราย  อายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง 4 ราย  อายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคเรื้อรัง 1 ราย  และเด็กอายุ 3 ปี 1 ราย  ทั้งนี้จะพบว่าผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนหรือยังรับวัคซีนไม่ครบ 2 โดส  รวมทั้งบางรายได้รับวัคซีนครบแต่ทิ้งช่วง 6 เดือน  ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำชับว่าแม้จะได้รับวัคซีนครบสองเข็ม ก็ขอให้รับเข็มกระตุ้น

ผลการฉีดวัคซีน เพิ่มขึ้น 542,689 โดส  ทำให้ยอดรวมเข็มที่ 1 จำนวน  51,694,907 โดส   เข็มที่ 2 จำนวน 47,301,137 โดส  เข็มที่ 3 จำนวน 9,317,904 โดส  ทั้งนี้ยังพบว่า ยอดการฉีดวัคซีนเข็มสามของประชาชนยังต่ำอยู่ ทางอธิบดีกรมควบคุมโรคจึงออกมาเน้นย้ำว่า วัคซีนทุกประเภท ทุกสูตรมีประสิทธิผลสูง 90-100 % ในการป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ภูมิคุ้มกันก็สามารถลดลงได้เมื่อเวลาผ่านไป  แต่เมื่อฉีดกระตุ้นในเข็ม 3 พบว่าภูมิคุ้มกันจะเพิ่มสูงขึ้น และสามารถช่วย ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกระตุ้นโดยเข็ม 3 ไม่ว่าจะเป็นเอสต้าเซเนก้า หรือ ไฟเซอร์ ให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงไม่แตกต่างกัน และสามารถ ป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งสองยี่ห้อ

ส่วนการติดเชื้อในลักษณะครัสเตอร์ ส่วนใหญ่เป็นครัสเตอร์ร้านอาหาร ที่จังหวัดเลย  ร้านเหล้าที่จังหวัดขอนแก่น ร้านเหล้าสุขสันต์  ร้าน 99 วินเทจ  ซึ่งเป็นการเปิดโดยฝ่าฝืนข้อกำหนด เพราะยังไม่มีการอนุญาตให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการได้  นอกจากนี้ยังมีที่ ศรีสะเกษ เชียงใหม่ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อุดรธานี


สำหรับครัสเตอร์ปีใหม่ ยังพบยอดผู้ติดเชื้อหลังเทศกาลปีใหม่ อย่างต่อเนื่อง วันนี้พบครัสเตอร์ เลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ที่จังหวัดอุดรธานี และอำนาจเจริญ    ส่วนครัสเตอร์พิธีกรรมพบที่จังหวัดลพบุรีจากงานบวช  จังหวัดเลยงานบุญ  จังหวัดสงขลา งานแต่งงาน   สาเหตุการติดเชื้อเกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกัน และการเดินทางข้ามจังหวัด  นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในโรงงานและสถานประกอบการ ที่จังหวัดอุดรธานี สมุทรปราการ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ร้อยเอ็ด

พญ.อภิสมัย ยังกล่าวถึงการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินมาประเทศไทย ซึ่งมาตรการนี้ใช้กับคนไทยและชาวต่างชาติ และเมื่อมาถึงต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำทันที หลังจากนั้นในวันที่ 5 และ 6 ก็ต้องตรวจซ้ำเป็นครั้งที่สองด้วย การตรวจหาเชื้อเป็นช่วงๆยังมีความจำเป็นและไม่ได้มีการยกเลิก   โดยในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวก็ได้มีการบังคับให้โหลดแอบพลิเคชั่นหมอชนะ  ล่าสุดการเดินทางเข้าประเทศจากวันที่ 1 ถึง 13 มกราคม มีผู้เดินทางเข้าประเทศที่ลงทะเบียนผ่านระบบ จำนวน 103,665 ราย ติดเชื้อ 3,424 ราย โดยสัดส่วนการติดเชื้อระหว่าง Test&Go Sandbox และ Quarantine ใกล้เคียงกัน นักท่องเที่ยวติดเชื้อสูงสุด ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร อเมริกา สวีเดน และเยอรมนี  ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนจาก 100 คน มาจริงเพียง 30 คน  ช่วงปีใหม่มา 50 คน  ทั้งนี้การเดินทางเข้าราชอาณาจักรหลังวันที่ 15 มกราคม  ยังสามารถเดินทางมาได้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้ว  จนกว่าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]