มท.1 หารือขับเคลื่อนงานผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ย้ำเร่งแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่

มท.1 หารือขับเคลื่อนงานผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เน้นย้ำเร่งแก้ไขปัญหา

5 ม.ค. – มท.1 หารือขับเคลื่อนงานผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ผ่านระบบ VCS เน้นย้ำเร่งแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตามอำนาจหน้าที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน


วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้ตรวจราชการกระทรวง ที่ปรึกษาระดับกระทรวง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนปลัดกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโนบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการบริหารราชการในระดับพื้นที่เป็นกลไกสำคัญในการนำนโยบายไปขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ เกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับพี่น้องประชาชน พร้อมมอบแนวทางการทำงาน 7 ข้อ ได้แก่ 1) การยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ในการบริหารราชการระดับพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายทั้งในด้านการควบคุมดูแลและการกำกับดูแล ให้เป็นไปอย่างครบถ้วน โปร่งใส ไม่ขาดตกบกพร่อง 2) ต้องรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ด้วยการแบ่งพื้นที่ดูแลรับผิดชอบอย่างชัดเจน ทั้งด้านกายภาพ ถนนหนทาง สายไฟฟ้า สายสื่อสาร ขยะในที่สาธารณะ การก่อสร้าง และปรับปรุงพร้อมทั้งดูแลรักษาให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม อยู่เสมอ และหากพบปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ต้องเร่งแก้ไขตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน 3) ด้านการบริหารจัดการและการจัดการน้ำเสีย ต้องกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการเป็นไปตามแผนที่ท้องถิ่นกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้จะเกิดปัญหา “ขยะติดเชื้อ” จากชุดตรวจ ATK และอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องทำขยะติดเชื้อให้เป็นขยะทั่วไป ตามมาตรการของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องบริหารจัดการขยะเหล่านี้ตามหลักวิชาการ และเสริมสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะดังกล่าว


4) การบริหารจัดการสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ต้องมีแผนงานที่ชัดเจน ดำเนินมาตรการควบคุมทั้งยานพาหนะ การก่อสร้าง ส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้ไปทำประโยชน์อื่นแทนการเผาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กำกับดูแลในพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด 5) การฟื้นฟูหลังเกิดสาธารณภัย ให้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการสำรวจและซ่อมบ้านเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบประปา เพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งเยียวยาผลกระทบจากความเสียหายตามระเบียบของทางราชการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้อง ครบถ้วน 6) การบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขอให้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อยากต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการสถานการณ์ฯ และ 7) การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ในปีนี้ มีจำนวนลดลง แต่ทั้งนี้ ขอให้รณรงค์สร้างความตระหนัก และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 พฤติกรรมหลักที่เป็นสาเหตุ คือ การขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และการดื่มสุราแล้วขับขี่ พร้อมทั้งวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุเพื่อหาแนวทางกำหนดมาตรการเพิ่มเติมต่อไป

ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดำเนินการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานและจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณตามแผนของท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน 2) ติดตามและสำรวจสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรที่ล้นตลาดหรือสินค้าที่มีจำนวนมากตามฤดูกาล และประสานองค์การตลาดเข้าไปรับซื้อสินค้าและบริหารจัดการจัดหาสถานที่ระบายสินค้า 3) ส่งเสริมผู้ประกอบการ OTOP ให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่าราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งการช่วยเหลือช่องทางการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้รายได้กลับคืนสู่ชุมชน 4) ประสานหน่วยงานของการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ การขาดแคลนน้ำ การจัดหาแหล่งน้ำ และน้ำต้นทุน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในด้านการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เชิญผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ มาประชุมหารือนำสภาพปัญหามาประชุมหาทางออก รวมทั้งบรรจุในแผนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ตามอำนาจหน้าที่ได้ และ 2) ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้สถิติของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ลดลง


ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำการขับเคลื่อนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยต้องให้ความสำคัญในการทำงานด้วยความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล ทั้งการประเมินความโปร่งใส (ITA) ของ ป.ป.ช. และการส่งเสริมให้ข้าราชการบุคลากรมีคุณธรรมจริยธรรมในการทำงาน 2) การบริหารจัดการงานบริหารทั่วไป เช่น การติดต่อประสานงานระหว่างกระทรวง กรม และจังหวัด การสนับสนุนการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูง เป็นต้น 3) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจตลาดชุมชน ตลาดท้องถิ่น ตลาดออนไลน์ ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความพร้อม เพื่อให้ผู้ผลิตและเจ้าของตลาดได้พบปะกัน และพัฒนาตลาดไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งให้ความสำคัญในการลงพื้นที่ไปสร้างขวัญกำลังใจ ไปตรวจเยี่ยม จับจ่ายใช้สอยอุดหนุนผู้ประกอบการ และกำหนดแนวทางสื่อสารกับสังคมให้ได้รับรู้รับทราบ และ 4) ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญในการตรวจติดตามการขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณเงินกู้เพื่อฟื้นฟูสถานการณ์โควิด-19 ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยด้วยความมุ่งมั่น เพื่อแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดเพื่อบังเกิดผลให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 9 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงาาน 10-15 ส.ค. ไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]