ศบค.เผยยอดติดโอไมครอนก้าวกระโดด พุ่งเป็น 514 ราย

ทำเนียบรัฐบาล 27 ธ.ค.-ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุยอดติดโอไมครอนก้าวกระโดด ขณะเดียวกันยังพบคลัสเตอร์หลายจังหวัดต่อเนื่อง แนะประชาชนเร่งรับวัคซีนเข็ม 3


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) แถลงว่า วันนี้(27 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,437 ราย หายป่วยกลับบ้าน 3,845 ราย โดย 10 จังหวัดที่มีอันดับติดเชื้อได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครศรีธรรมราช ชลบุรี ขอนแก่นสมุทรปราการ เชียงใหม่ ตรังฉะเชิงเทรา สงขลา และสุราษฎร์ธานี ส่วนยอดผู้เสียชีวิต 18 ราย มีผู้รักษาอยู่ในระบบ 34,436 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 179 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตร้อยละ 95 เป็นกลุ่มคนอายุเกิน 60 มีโรคประจำตัวและป่วยเรื้อรัง 

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า การรายงานสายพันธุ์โอไมครอนจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขเมื่อศุกร์ที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 205 ราย แต่วันนี้(27 ธ.ค.) พุ่งเป็น 514 ราย ถือว่าก้าวกระโดด จึงต้องเน้นย้ำว่าการพบสายพันธุ์โอไมครอน 2 ใน 3 เป็นการเดินทางเข้ามาในประเทศ แต่พบว่าหนึ่งในสามเป็นการติดเชื้อภายในประเทศโดยคลัสเตอร์ที่รายงานจากกรมควบคุมโรคได้แก่คลัสเตอร์ที่จ.กาฬสินธุ์ที่เป็นสามีภรรยาเดินทางจากเบลเยียม


“เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมและมีประวัติไปรับประทานอาหาร ในผับตลาดโรงสีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เป็นเหตุให้นอกจากผู้ติดเชื้อสองรายแรกแล้วคือสามีภรรยาที่เดินทางจากเบลเยียม ทำให้พบว่า นักดนตรี พนักงานร้าน พนักงานเสิร์ฟและผู้ใช้บริการคนอื่นติดเชื้อรวม 21 ราย และนอกจากคลัสเตอร์กาฬสินธุ์แล้ว ยังเชื่อมโยงไปถึงการติดเชื้อที่จังหวัดอุดรธานี  อีก 6 ราย และลำพูน 4 ราย” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า พบคลัสเตอร์โอไมครอนที่จังหวัดปัตตานี  7 รายซึ่งมีประวัติสัมผัสการติดเชื้อจากกลุ่มผู้แสวงบุญที่กลับจากตะวันออกกลาง และยังพบผู้แสวงบุญติดเชื้อ้พิ่มในหลายจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานีและ กรุงเทพฯ ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมดหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบ 2 รายแล้วในกรุงเทพฯ มีผู้ติดเชื้อที่ภูเก็ต และกระบี่อีกจังหวัด ละ 2 ราย เนื่องจากเป็นแม่บ้านทำงานในโรงแรมที่มีผู้ติดเชื้อพักอาศัย และอีกหนึ่งคลัสเตอร์ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งผู้สัมผัสคนแรกติดเชื้อมาจากเดนมาร์ก

“กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามและรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนได้วางมาตรการป้องกันตัว โดยสิ่งแรกที่กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำ ซึ่งการติดเชื้อโอไมครอนมักไม่แสดงอาการ เช่น จากตัวอย่าง 41 รายพบว่ามีอาการน้อยมาก โดยพบว่า 54% คืออาการไอ 37% คือการเจ็บคอและ 29% พบมีไข้ จึงพบว่าการติดเชื้อโอไมครอนมักแสดงอาการต่อทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ใช่ลงปอด ดังนั้น การติดเชื้อสายพันธุ์นี้ ผู้ติดเชื้ออาจจะปะปนมาในสถานที่ต่าง ๆ  จึงต้องระมัดระวัง ขอย้ำให้สวมหน้ากากอนามัยหรือสวมสองชั้นเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ” พญ.อภิสมัย กล่าว


ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งไทยและต่างประเทศมีมาตรการตอบโต้สายพันธุ์โอไมครอน โดยแนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนบูธตอร์เข็มสาม ซึ่งมีรายงานสอดคล้องกันว่าแอสต้าเซนิกาป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนได้ หรือจะเป็น โมเดอร์นาหรือไฟเซอร์ก็ได้ ขณะนี้ประเทศไทยมียอดผู้ฉีดเข็มสามน้อย จึงขอความร่วมมือประชาชนว่าถ้าฉีดเข็มหนึ่งเข็มสองเป็นชิโนแว็กซ์หรือชิโนฟาร์มสามารถไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มสามได้โดย เว้นระยะหนึ่งเดือน ให้กระตุ้นเข็มสามได้เลย แต่หากรับเอสตร้าเซนเนกา ให้เว้นระยะ 3 เดือนแล้วไปรับเข็มกระตุ้นได้  

“สำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ขอให้ศึกษารายละเอียดก่อนรับเข็มกระตุ้น โดยในกรุงเทพมหานครมีจุดบริการวัคซีนหลายที่ รวมถึงสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งในแต่ละที่ขอความร่วมมือว่าไม่รับวอล์คอิน จึงขอให้ลงทะเบียนล่วงหน้า โดยในส่วนของกรุงเทพมหานครให้เข้าไปดูในเว็บไซต์กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่นี้ ถ้าใครไม่ได้ไปต่างจังหวัด ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนได้” พญ.อภิสมัย กล่าว   ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า การประชุมศบค.ชุดเล็กมีความเป็นห่วงบุคลากรทางการแพทย์ จึงขอให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 เพราะการแพร่ ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงต้องเร่งปกป้องระบบสาธารณสุข เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์พร้อมรับมือได้.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]