กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา สะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ผ่านการตั้งฉายาให้รัฐสภา ประจำปี 2564 ดาวเด่น และดาวดับ จะเป็นใคร
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี ที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจะระดมความคิดเห็นตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ปีนี้สภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายาว่า สภาอับปาง เหตุจากสภาล่มครั้งแล้วครั้งเล่า เสมือนเรือที่ล่องลอยอยู่กลางสายน้ำ แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่ง เพราะคนในเรือมัวแต่เล่นเกมการเมือง จนเรือล่มแล้วล่มอีก อับปางอยู่กลางทะเล คล้ายกับการประชุมสภาที่ไปไม่ถึงไหน กฎหมายผ่านไม่กี่ฉบับ จึงเรียกกันว่า สภาอับปาง
ขณะที่วุฒิสภา ปีนี้ได้รับฉายาว่า ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก (คสช.) สะท้อนถึงความสูงวัยของบรรดา ส.ว.ที่นอกจากทำหน้าที่พิจารณากฎหมายแล้ว ยังเป็นเหมือนผู้พิทักษ์คอยเฝ้ามรดกหรือที่เรียกง่ายๆว่า อำนาจของ คสช.นั่นเอง
สำหรับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีฉายาว่า ชวนพลังท่อม ที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังฟิต ไปไหนไปกัน ออกงานทุกวัน ขยันสุดๆ จนนึกว่าได้รับพลังจากน้ำกระท่อมเสียแล้ว
“ร่างทรง” นี่ไม่ใช่ชื่อภาพยนตร์ แต่เป็นฉายาของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา สะท้อนถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เป็นบุคคลที่ทำงานตามคำสั่ง เสมือนเป็นร่างทรงให้กับ คสช.
ฝั่งผู้นำฝ่ายค้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ มากับฉายา สมพงษ์ตกสวรรค์ เพราะที่ผ่านมามีบทบาทในสภาน้อย จนกระทั่งเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่โดดเด่นขึ้นมา จึงเหมือนคนที่เคยมีตำแหน่งสูง แต่สุดท้ายก็ตกสวรรค์จนได้
ดาวเด่นแห่งปี สื่อสภายกให้ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ที่โดดเด่น ฉะฉาน ชัดเจน การอภิปรายที่มีชั้นเชิง น่าฟัง ราศีจับมาตั้งแต่ก่อนได้รับตำแหน่ง จึงได้รับตำแหน่งดาวเด่นปี 64 ไปครอง
ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับตำแหน่งดาวดับแห่งปี เป็นประธานวิปรัฐบาล ผู้คุมเสียงในสภาอยู่ดีๆ ก็ต้องหลุดลอย หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.หลังศาลฎีการับฟ้องคดีทุจริตสนามฟุตซอล
เหตุการณ์เด่นแห่งปี สื่อสภาขอยกให้ “แผนกบฎการเมืองล้มนายกรัฐมนตรี” ที่ต้องย้อนไปช่วงศึกซักฟอกในเดือนกันยายน เกิดปฏิบัติการกบฎโหวตคว่ำ นายกฯท่ามกลางความสัมพันธ์ของ 3 ป.ที่เหมือนจะห่างเหิน แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อนายกฯเรียกเสียงกลับคืนมาได้ พร้อมคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากรัฐมนตรีแบบฟ้าผ่า จนเกิดอาการแง่งอนกันใน 3 ป. แต่สุดท้ายก็ผสานรอยร้าวพร้อมโชว์ภาพหวานหยอกล้อในบ้านป่ารอยต่อ สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครมาแทรกกลางระหว่างเราได้
วาทะเด็ดแห่งปี หนีไม่พ้น “วัคซีนเต็มแขน” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีสาธารณสุข ที่ได้ลั่นวาจาไว้ในขณะที่วัคซีนโควิดยังไม่เพียงพอ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตรงกันข้ามกับความจริง แต่เมื่อเวลานี้ที่ประเทศไทยฉีดวัคซีนได้มากกว่า 100 ล้านโดสแล้ว วาทะนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งในรูปแบบนโยบายที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยภาคภูมิใจ
สำหรับคู่กัดแห่งปี ต้องยกให้ ส.ว.เสรี สุวรรณภานนท์ และ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล ที่ซัดกันนัวเป็นที่มาของวลีเด็ด “โลงศพมีไว้ใส่คนปากอย่างท่าน” ส่วนตำแหน่งสุดท้าย คนดีศรีสภา สื่อรัฐสภา ขอยกเลิกอย่างถาวร เพราะยังไม่มีคนใดที่จะเหมาะสมและคู่ควรเพียงพอกับรัฐสภาอันทรงเกียรตินี้.-สำนักข่าวไทย