ทำเนียบรัฐบาล 23 ธ.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย นายก ฯ ย้ำจำเป็นเดินหน้ามาตรการเข้มป้องกันโอไมครอน กำชับเฝ้าระวังกลุ่มบุคคล กิจกรรมช่วงปีใหม่ พร้อมตั้งเป้าปีหน้าเป็นปีฉีดวัคซีนบูสเตอร์
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความถี่และความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือคนไทยที่เข้าประเทศ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าประเทศและมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด
“นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอน ขณะเดียวกันให้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งการฉีดเข็มกระตุ้นในกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเปราะบาง รวมทั้งให้ทำความเข้าใจกลุ่มผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพื่อให้เห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนด้วย โดยตั้งเป้าหมายรณรงค์ให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับคนไทยด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ล่าสุดคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เห็นชอบ 2 เรื่องหลัก ๆ คือ เห็นชอบฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มที่ 4 กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้า รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และเห็นชอบให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแก่เด็กอายุ 5-11 ปี โดยเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยที่ผู้ปกครองและเด็กต้องแสดงความสมัครใจและยินยอม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้(23 ธ.ค.) มีจำนวน 2,940 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,798 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 125 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 53 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,798 ราย หายป่วยสะสม 2,114,760 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 38,314 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่าขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดิมคือ เดลต้าไปสู่การกลายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งกำลังเป็นความท้าทายระบบการป้องกันและควบคุมโรคที่ไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ รัฐบาลและศบค.มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มข้น ระงับการเดินเข้าประเทศแบบ Test and Go และ Sandbox ชั่วคราว
“รัฐบาลเข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการ ภาคเอกชนที่ต้องปรับรูปแบบการประกอบการให้เข้ากับสถานการณ์และความจำเป็นระยะนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยซึ่งกันและกันด้วยการดำเนินกิจกรรมภายใต้มาตรการ COVID Free Setting และขอให้ทุกคนปฏิบัติตาม Universal Prevention อย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจ ATK เป็นระยะ ๆ รัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนให้ใช้ช่วงเวลาเทศกาลปลายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างมีความสุขและปลอดภัย” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย