ทำเนียบรัฐบาล 17 ธ.ค. – ศบค.กำชับโรงแรมสถานบริการกำชับนักท่องเที่ยวต่างประเทศสวมหน้ากากอนามัย ไทยยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 14 ราย เตือนสถานประกอบการจะจัดงานปีใหม่เข้มมาตราการ ส่วนผู้ติดเชื้อวันนี้ 3,537 ราย ตาย 41 คน ผับบาร์ สถานบันเทิง ยังไม่สามารถเปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 วันนี้(17 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,537 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 3,338 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 17 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 182 ราย ผู้ป่วยหายแล้ว 5,459 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 43,479 ราย รักษาในโรงพยาบาล 22,257 ราย รักษาในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 21,222 ราย อาการหนัก 972 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 254 ราย และมีผู้เสียชีวิต 41 คน เป็นชาย 21 ราย หญิง 20 ราย คนไทย 39 คน เมียนมา 1 คน และอังกฤษ 1 คน โดยผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปีขึ้นไป 33 คน อายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง 6 คน ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 คน ทั้งนี้การเสียชีวิตยังพบว่าเป็นการสัมผัสและติดเชื้อจากคนในครอบครัว โดยยอดการติดเชื้อ 10 อันดับแรกได้แก่ กทม. 578 ราย นครศรีธรรมราช 208 ราย ชลบุรี 166 ราย สงขลา 137 ราย สมุทรปราการ 128 ราย สุราษฎร์ธานี 89 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 78 ราย พัทลุง 77 ราย ปัตตานี 74 ราย และเชียงใหม่ 65 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับครัสเตอร์ที่มีการรายงานเข้ามา พบการติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดกระบี่ 137 ราย เรือนจำกลางปัตตานี 36 ราย โรงงานและบริษัท ที่ปราจีนบุรี ระยอง ชลบุรี ส่วนที่ประจวบคีรีขันธ์ พบในห้างสรรพสินค้า ส่วนครัสเตอร์ ที่พบในตลาดมีหลายจังหวัด เช่น อ่างทอง ลพบุรี อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช รวมทั้งพบในงานศพ ที่นราธิวาส และแม่ฮ่องสอน ส่วนแคมป์คนงาน พบที่ กทม. ชลบุรี และครัสเตอร์ ร้านหมูกะทะ เจตบางกะปิ กทม. 12 คน
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ยังได้มีการหารือถึงการเดินทางกลับบ้านและการฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้อีกเน้นย้ำไปทางจังหวัดให้เฝ้าระวังและคัดกรองคนที่เดินทางกลับบ้าน เพราะหากคนเหล่านี้หากเดินทางกลับจากที่ทำงานซึ่งเป็นแคมป์คนงาน โรงงาน อาจจะมีการสัมผัสเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ และเมื่อเดินทางกลับ หลังจากเทศกาลปีใหม่ มาทำงานก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นสถานประกอบการและโรงงานต้องมีการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางกลับบ้านในข่วงเทศกาลปีใหม่ ในการรายงานในวันนี้มี 2 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อ คือ จังหวัดอุตรดิตถ์และอำนาจเจริญ
พญ.อภิสมัย ยังกล่าวถึง ข้อกำหนด มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 40 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ขอเน้นย้ำ หากมีการจัดงานที่มีคนมากกว่า 1,000 คน ผู้จัดงานต้องขออนุญาต มีผลฉีดวัคซีนผู้ให้บริการครบทุกราย มีผลตรวจ ATK เป็นลบ 72 ชม.ก่อนเริ่มงาน รวมทั้งผู้ร่วมงานด้วย แต่หากเป็นงานที่มีคนต่ำกว่า 1,000 คน ผู้จัดและผู้บริการก็ยังคงต้องฉีดวัคซีนครบ และผลตรวจ ATK ก่อน 72 ชม. แต่ผู้ร่วมงานของเพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามในแต่ละจังหวัดจะมีการประกาศมาตรการในกรณีที่จะมีการจัดงานหรือเลี้ยงฉลองเป็นกลุ่มย่อย
พร้อมย้ำประการข้อกำหนด การอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารหรือสถานประกอบการ เฉพาะเทศกาลปีใหม่ วันที่ 31 ธันวาคม ประกาศที่มีผลตั้งแต่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ผับบาร์ สถานบันเทิง ที่เปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์ถือว่าผิด ยังไม่สามารถเปิดและจำหน่ายได้
นอกจากนี้ ศบค.จะมีการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อดูการจัดสถานที่เพื่อจัดงานปีใหม่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา และหนองคาย ที่จะลงพื้นที่ วันที่ 24 ธันวาคมนี้ เพื่อดูมาตราการก่อนเปิดด่านชายแดนแห่งแรก เพื่อเป็นต้นแบบนำร่องเปิดด่านชายแดนทางบกในจังหวัดอื่นๆ เช่น มุกดาหาร นครพนม และอุบลราชธานี
ส่วนรายงานผู้เดินทางเข้าประเทศไทย (16 ธ.ค.) จำนวน 11,060 ราย พบผู้ติดเชื้อ 16 คน เมื่อรวมกับผู้ที่เดินทางเข้ามาก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 1-16 ธันวาคม จำนวน 122,363 คน มีผู้ติดเชื้อ 226 คน เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน มีผู้เข้ามา 133,061 คน จะพบว่าในเดือนธันวาคมมีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รายงานผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน จำนวน 14 ราย ที่เดินทางเข้าประเทศในโครงการ Test&Go ( ไม่ต้องกักตัว)
“แม้นักเดินทางที่เข้ามาในประเทศแบบไม่ต้องกักตัวจะพบว่ามี จำนวนผู้ติดเชื้อไม่สูง แต่เราต้องเตรียมรองรับกรณีที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในประเทศกิจกรรมและกิจการเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่เราจะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ก็คงต้องเตรียมการเฝ้าระวังด้วย” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัย ยังกล่าวว่า ในส่วนของประเทศที่เดินทางเข้ามาสูงสุด คือ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย ยูเออี ฝรั่งเศส สวีเดน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ นอร์เวย์ และอิสราเอล ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้ามาเหล่านี้ได้มีการตรวจและผลเป็นลบ แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทยก็พบผลเป็นบวกได้ ประกอบกับในหลายประเทศ มีท่าทีปฏิเสธการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งต้องเน้นย้ำโรงแรมที่ให้บริการ ให้แจ้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาให้ปฎิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขไทยอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่สวมหน้ากากอนามัยถือว่ามีความผิด สามารถที่จะปรับได้สูงถึง 20,000 บาท และสามารถปฏิเสธการให้บริการได้
ส่วนรายงานผู้ติดเชื้อโควิดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 711,255 ราย จะพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งสอดคล้องกับการที่ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุในก่อนหน้านี้ ว่าแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูง แต่เมื่อประชากรได้รับการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุม อัตราการเสียชีวิตก็ยังคงน้อยอยู่ รวมทั้งรัสเซีย และเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงสุด จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา
สำหรับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาด ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ และกำลังมีการตรวจสอบอีก 5 ราย ขณะที่มาเลเซียมีรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน รายที่สองเป็นเด็กอายุ 8 ปี ทำให้ทางการมาเลเซียประกาศเข้มงวดห้ามรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และออกมาตรการให้ประชาชนฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 และตรวจสอบผู้เกี่ยว ข้องกับสายพันธุ์โอไมครอนอีก 18 ราย ส่วนเกาหลีใต้ก็มีการประกาศใช้มาตรการควบคุมโควิดรอบใหม่ เช่น ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่อนุญาตให้ใช้บริการร้านอาหารนอกบ้านร่วมกับบุคคลอื่น ภัตรคาร คาเฟ่ เปิดไม่เกิน 21.00 น. รายงานการฉีดวัคซีนในประเทศ ( 16 ธ.ค.) ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 416,336 โดส รวมทั้งประเทศ เข็ม 1 จำนวน 50,314,980 ราย เข็ม 2 จำนวน 43,974,460 ราย และเข็ม 3 จำนวน 4,567,313 ราย พร้อมกำชับผู้ฉีดวัคซีนรับเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หลังพบการจับกลุ่มเอกสารการฉีดวัคซีนปลอมที่จังหวัดอุดรธานี.สำนักข่าวไทย