มท.1 มอบนโยบายผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ

เชียงใหม่ 17 ธ.ค. – มท.1 มอบนโยบายผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ เน้นย้ำขับเคลื่อนงานตามอำนาจหน้าที่ (Good Governance) สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน


วันนี้ (17 ธ.ค.64) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมดอยสุเทพ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีนายอนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประชา เตรัตน์ นายวัลลภ พริ้งพงษ์ นายวิชา นิลเพชร์พลอย นายยงยุทธ โกเมศ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย นายชโยดม กาญจโนมัย รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค นายจรรยา วัฒนกุล รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และอุทัยธานี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ร่วมประชุม

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้แก่นายนที ดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นฯ ให้แก่เทศบาลตำบลสันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่


“เทศบาลตำบลสันทรายหลวง เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีระบบการบริหารจัดการบริการสาธารณะในด้านพัฒนาและปรังปรุงทางกายภาพของพื้นที่ ทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารจัดการน้ำ ยังประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนมีพื้นที่สาธารณะที่มีสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ และมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม สามารถบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาชน และทุกภาคส่วน ในการพัฒนาลำน้ำสาธารณะ “ทำหลังบ้านเป็นหน้าบ้าน” ได้อย่างสะอาด สวยงาม เป็นแบบอย่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน”

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการพูดคุยหารือ แนะนำ แนวทางการทำงานร่วมกันของผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ และมอบนโยบายการขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่

1) ด้านการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ และการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและการปฏิบัติการด้านการข่าว โดยแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบ ได้แก่ “การปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน” โดยร่วมกับกองกำลังป้องกันชายแดน ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศ เพิ่มการลาดตระเวนต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังและสกัดกั้นป้องกันมิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย “การปฏิบัติในพื้นที่ตอนใน” ให้ใช้กลไกตำรวจภูธรร่วมกับฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจุดคัดกรองโรคบุคคล และการขนส่งสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และ “การปฏิบัติพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน” ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครในพื้นที่ ร่วมกันตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน/ชุมชน หากพบผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้ประสานหน่วยงานความมั่นคงดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ ให้รณรงค์และบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงตามจำนวนเป้าหมายที่กำหนด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข DMHTTA ได้แก่ การเว้นระยะห่าง (D : Distancing) การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ (M : Mask Wearing) การล้างมือบ่อยๆ (H : Hand Washing) การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (T : Take the Temperature) การตรวจหาเชื้อโควิด-19 (T : Testing) และการใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ (A : Application) อย่างเคร่งครัด


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในด้านการจัดการศึกษาในพื้นที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ในการให้สถานศึกษาเปิดเรียนตามปกติ (Onsite) เพื่อไม่ทำให้นักเรียนเสียโอกาส ทั้งด้านการเรียนการสอน สัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงด้านสังคม โดยสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. ทั้งการสุ่มตรวจภายหลังเปิดเรียน การให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับวัคซีน 100% และการเฝ้าระวังการข่าวในชุมชนที่เด็กหรือผู้ปกครองอาศัย หากพบมีการติดเชื้อ ให้ดำเนินตามมาตรการสาธารณสุข นอกจากนี้ ต้องกำชับการปฏิบัติเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมโรคภายในเรือนจำหรือสถานที่ที่ต้องควบคุมคนอยู่รวมกันจำนวนมากอย่างเข้มข้น และกำชับนายอำเภอควบคุมดูแลการจัดงานประเพณี งานรื่นเริง งานบุญ งานกุศล ตามมาตรการของกระทรวงวัฒนธรรม ห้ามประมาท

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นอีกประเด็นที่ให้ความสำคัญ โดยให้ดำเนินมาตรการสกัดกั้นเชิงพื้นที่ ป้องกัน และลดปัจจัยเสี่ยง รวมถึงการปราบปราม บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อขบวนการค้ามนุษย์ นำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น และในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ดำเนินมาตรการลดผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด (Demand side) สร้างการรับรู้เกี่ยวกับพิษภัยจากยาเสพติด ผ่านทุกช่องทางอย่างหลากหลาย และมาตรการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เพื่อลดผู้ผลิต/ผู้ค้า (Supply side) ด้วยการเฝ้าระวัง สกัดกั้น ป้องกันการลักลอบนำเข้า/ลำเลียงยาเสพติด พร้อมทั้งบูรณาการปราบปรามผู้ค้าอย่างต่อเนื่อง

2) ด้านปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) ทั้งการควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม ครัวเรือน และสร้างการรับรู้ ความตระหนัก และรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน การควบคุมและบริหารการเผาในพื้นที่การเกษตร การแปรรูปเป็นพลังงานเชื้อเพลิง การรณรงค์การใช้สารย่อยสลายหรือไถกลบตอซังข้าว/ข้าวโพด/ซากวัชพืช และกำหนดแนวทางมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยต้องลดปริมาณจุดความร้อน (Hotspot) ให้น้อยที่สุด

และในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ให้จังหวัดเร่งจัดส่งโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณไปยังกองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ (CBO) ภายในวันที่ 31 ธ.ค. รวมไปถึงการขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด นอกจากนี้ ในด้านการบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และการจัดการน้ำเสียในพื้นที่ ให้จังหวัดกำกับดูแลการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รณรงค์ประชาชนทิ้งขยะในที่ทิ้ง จัดเก็บและขนย้ายอย่างเป็นระบบ รณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ ด้วยการควบคุมการบำบัดน้ำเสียจากแหล่งกำเนิดต่างๆ ตั้งแต่บ้านเรือน เพื่อแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของน้ำเสียจากขยะที่ไหลลงสู่แม่น้ำลำคลอง บ้านเมืองมีความสวยงามและเป็นระเบียบ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้กล่าวถึงการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายได้โดยตรง เพื่อช่วยเหลือประชาชนเกษตรกรให้สามารถจำหน่ายผลผลิตและสร้างรายได้ และสุดท้ายในด้านการจัดระเบียบสายสื่อสารตามแนวเสาไฟฟ้า ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดำเนินการร่วมกับจังหวัดให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ในพื้นที่เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม

พล.อ.อนุพงษ์ เน้นย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ซึ่งเมื่อทุกท่านปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองอย่างครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น และขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ทุกท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติราชการให้บังเกิดผลประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย