ทำเนียบ 16 ธ.ค.- “พล.อ.ประวิตร” ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ตั้งเป้า ยุติปัญหาความไม่สงบภายในปี 70 เน้นขจัดเงื่อนไขเก่าและไม่ให้เกิดเงื่อนไขใหม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ คปต.ครั้งที่ 3/64 เพื่อติดตามสถานการณ์สำคัญและการขับเคลื่อนแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยที่ประชุมรับทราบ แนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่และสถานการณ์โควิด – 19 และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้กลไกใน 3 ระดับ ทั้งระดับนโยบาย การแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และการขับเคลื่อนระดับพื้นที่ รวมทั้ง การกำหนดคณะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เพื่อประสานงานระหว่าง คณะรัฐมนตรี ราชการส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนใต้ผ่านกลไกสภาสันติสุขตำบล
นอกจากนี้ที่ ประชุมให้ความเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2566 – 2570 โดยมุ่งให้ภาคใต้มีความสงบสุข เหตุการณ์ความรุนแรงยุติได้ในปี 2570 และขจัดเงื่อนไขเก่าที่มีอยู่ให้หมดสิ้นไป ตลอดจนไม่เกิดเงื่อนไขใหม่ และเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์พัฒนาทักษะภาษา เพื่อสื่อสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่จะจัดตั้งขึ้นนำร่อง 184 ศูนย์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอสงขลา มีกระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานภายใต้ คปต.ในแต่ละด้าน ทั้งด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา และด้านบริหารจัดการและประเมินผล
พล.อ.ประวิตร ยังเป็นห่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการสร้างความร่วมมือกับผู้นำทางศาสนาและผู้นำท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนและมาตรการป้องกันโควิดของภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน เพื่อให้สามารถควบคุมโรคในพื้นที่ได้ ขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนสภาสันติสุข ต้องเน้นการมีส่วนร่วมและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการและกิจกรรมทุกด้าน ต้องเป็นงานที่สามารถขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายของแผนปฏิบัติการได้จริงและให้ถือแผนปฎิบัติการ เป็นกรอบดำเนินงานในพื้นที่ โดยเฉพาะด้านการศึกษาและสังคมพหุวัฒนธรรม ต้องตอบโจทย์การแก้ปัญหาในระดับโครงสร้างเงื่อนไขทางวัฒนธรรมให้ได้ โดยดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม พร้อมกำชับว่าการดำเนินงานยุติความรุนแรงในพื้นที่และการขจัดเงื่อนไขต่างๆที่เป็นปัญหา ต้องเป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง โดยไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ เพื่อความสงบสันติสุขร่วมกันของประชาชนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย