ศูนย์ราชการฯ 14 ธ.ค.-เครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน-กสม.เดินหน้าโครงการนิคมฯ จะนะต่อ ยันคนหนุนเป็นเสียงส่วนใหญ่ในพื้นที่ วอนสื่อฟังความคิดเห็น 2 ฝ่าย
นางมณี อนันทบริพงค์ และนายสักริยา อะยามา พร้อมตัวแทนเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ผ่านนายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. ขอให้เดินหน้าผลักดันโครงการเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา ตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายโดยเร็ว
นางมณี อนันทบริพงค์ กล่าวว่า ขอให้ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการตามกฎหมาย พวกเราสนับสนุนให้เดินหน้าโครงการฯ เพราะเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องในพื้นที่ด้วย อยากเห็นการพัฒนาคนในพื้นที่ได้มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นความตั้งใจและโอกาสของคนพื้นที่ ไม่อยากให้โครงการนี้หลุด เพราะมันเป็นโอกาสจริงๆ ที่จะทำให้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะใน 4 อำเภอชายแดนภาคใต้ จะได้มีงานทำ กินดีอยู่ดี ลดความรุนแรงที่จะเกิดในพื้นที่
“พื้นที่ของเราทั้งไทยพุทธและมุสลิมรักกันดี ไม่เคยทะเลาะกัน แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าโครงการนี้โยงเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้อง พวกเราคนในพื้นที่จะไม่ยอมให้คนข้างนอกมาทำให้คนในพื้นที่ทะเลาะและผิดใจกัน มาเอาเรื่องนี้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ฝากสื่อมวลชนอย่าฟังฝ่ายเดียว โดยเฉพาะฝ่ายของพวกเราที่สนับสนุนคือฝ่ายที่เสียงส่วนใหญ่ เพราะพวกเราทำเวทีมากว่า 30 เวที 30 กว่าพื้นที่ อยากให้ผู้ตรวจฯ เสนอให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป” นางมณี กล่าว
นายสักริยา อะยามา กล่าวว่า มายื่นหนังสือวันนี้ ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน กสม. รวมทั้งสื่อมวลชน รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มพวกตนด้วย ไม่ใช่รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มที่คัดค้านฝ่ายเดียว อย่างไรตาม การที่คนในพื้นที่อำเภอจะนะ มีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็น 2 กลุ่ม ไม่เป็นปัญหา เพราะทุกคนก็เป็นญาติกัน อีกทั้งการดำเนินโครงการทุกอย่างจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องปกติ
“ในนามกลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น จึงขอความเห็นใจให้รับฟังกลุ่มเราด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีความลำบากยากแค้นจากการขาดงาน ขาดอาชีพ ทำให้ลูกหลานและคนในพื้นที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดจำนวนมาก ความเดือดร้อนตรงนี้กำลังถูกบิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากการสื่อสารของสื่อบางประเภทที่ไม่เข้าใจชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง ที่สำคัญยังมีผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองบางคนที่ต้องการเสียงสนับสนุนจากคนในพื้นที่ คนที่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวมากถึงร้อยละ 70-80 ทั้งพุทธและอิสลาม แต่กลับบิดเบือนข้อมูลความจริงจากคนในพื้นที่ที่มีไม่ถึง 100 คนเท่านั้น” นายสักริยา กล่าว
ขณะที่นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับเรื่องไว้ และจะแสวงหาข้อเท็จจริง พร้อมร่วมทำงานกับทุกฝ่ายหาข้อเท็จจริง ซึ่งทางสำนักงานผู้ตรวจฯ ยินดีรับฟังจากทุกฝ่าย และหาทางออกอย่างเหมาะสมที่สุด.-สำนักข่าวไทย