ศบค.ให้กินเหล้าเคาท์ดาวน์ไม่เกินตี 1

ทำเนียบรัฐบาล 13 ธค.-ที่ประชุม ศบค.ปรับลดพื้นที่เหลือเฉพาะส้ม – เหลือง อนุญาตให้ดื่มสุราในคืนเคาท์ดาวน์ ไม่เกินตี 1 วันที่ 1 ม.ค.65 เตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่ม 120 ล้านโดสในปีหน้า


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 วันนี้(13 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 3.398 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,143,181 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,467 ราย รวมหายป่วยแล้ว 2,073,900 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 49,524 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,061 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 307 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 – 13 ธันวาคม 2564 โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 3,398 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 3,376 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 3,368 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 8 ราย จากเรือนจำ 2 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 20 ราย

“แนวโน้มสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกคน โดยช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ หลังจากไม่ได้จัดมา 2 ปี ผอ.ศบค.ขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ส่วนยอดเสียชีวิตวันนี้เพิ่ม  23 คน ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 21,100 คน อัตราการครองเตียงของผู้ป่วย และการเสียชีวิต ลดลงอย่างต่อเนื่อง” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการให้บริการวัคซีน มีผู้ได้รับวัคซีนสะสม 97.4 ล้านโด๊ส เป็นวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 49.9 ล้านราย เข็มที่ 2 สะสม 43.3 ล้านราย เข็มที่ 3 สะสม 4.1 ล้านราย ขณะนี้มีวัคซีนจำนวนมากพร้อมจะฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 เพราะเชื้อโอไมครอนกระจายไปในหลายพื้นที่ การกระตุ้นเข็มที่ 3 จะช่วยลดอาการรุนแรง และการเสียชีวิตลงได้ โดยแนวทางกระตุ้นเข็มที่ 3 ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน ให้มากระตุ้นเข็มที่ 3 ภายในเดือนธันวาคมนี้

“เป้าหมายการให้บริการวัคซีนโควิด -19 ในปี 2565 ประชากรในประเทศไทยทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนเพียงพอ ครอบคลุมร้อยละ 80 โดยกรมควบคุมโรคได้รับอนุมัติจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 120 ล้านโดสในปี 2565 ส่วนวัคซีนเข็มที่ 4 อยู่ระหว่างรอการพิจารณาเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งจะต้องลงนามก่อนสั่งซื้อ ให้มีวัคซีนที่ทันสมัยสามารถป้องกันการแพร่เชื้อในกลุ่มสายพันธุ์ใหม่ ๆ ด้วย” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ความครอบคลุมการรับวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 71.9 ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะเสนอที่ประชุมพิจารณาผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยที่ประชุมปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งจะมีผลวันที่ 16 ธันวาคมนี้ โดยไม่มีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) และพื้นที่ควบคุมสูงสุด(สีแดง) โดยพื้นที่ควบคุม(สีส้ม) จะเพิ่มเป็น 39 จังหวัด จาก 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง(สีเหลือง) 30 จังหวัด จาก 24 จังหวัด พื้นที่สีฟ้า นำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด จากเดิม 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และภูเก็ต ส่วนวันที่ 1 มกราคม 2565 จะมีพื้นที่สีฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 5 จังหวัด รวมเป็น 31 จังหวัด ได้แก่ ตราด(เพิ่ม อ.คลองใหญ่) สระแก้ว มุกดาหาร บึงกาฬ นครพนม อุบลราชธานี


“สำหรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าราชอาณาจักร มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ รวม 87,383 คน พบผู้ติดเชื้อรวม 152 คน คิดเป็นร้อยละ 0.17 ทำให้มีความมั่นใจในมาตรการป้องกันโรค ศบค.จึงมีมติให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามากรณีได้รับวัคซีนครบให้คงระยะเวลากักตัวที่ 7 วัน ส่วนการตรวจหาเชื้อสำหรับ test and go และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวให้ใช้วิธี RT PCR ตามเดิม” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการแบ่งกลุ่มประเทศ เงื่อนไขและมาตรการเข้าราชอาณาจักร การจัดกลุ่มบุคคล แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ test and go,sandbox,กักตัว,ผู้ขนส่งสินค้าทางบก ทางเรือ ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ ผู้มีเหตุยกเว้นหรือได้รับอนุญาตตามเงื่อนไขเฉพาะ การแบ่งกลุ่มประเทศ 4 กลุ่ม ได้แก่ test and go,กลุ่มทุกประเทศ,กลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ,กลุ่มประเทศเสี่ยงสูง อ้างอิงตามการกลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน

“ที่ประชุมศบค.เห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 การจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ พื้นที่ควบคุม(สีส้ม) พื้นที่เฝ้าระวังสูง(สีเหลือง) พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว สามารถเปิดบริการและบริโภคสุราในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 ไม่เกินเวลา 01.00 ของวันที่ 1 ม.ค. 65 เฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น และต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สาธารณสุขกำหนด (COVID Free Setting)” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการสำหรับการจัดงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป โดยผู้จัดงานปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ต้องลงทะเบียนและประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus (TSC 2+) ควบคุมกำกับให้พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai (TST) พร้อมยกระดับ COVID Free Customer และ COVID Free Environment  ผู้เข้าร่วมต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มและมีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK และดำเนินมาตรการตามที่กำหนด อาทิ กำหนดช่องทางเข้า-ออกจุดเดียว มีระบบคิวให้ควบคุมได้ ต้องATK ก่อนจัดงานภายใน 72 ชั่วโมง จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 1 คนต่อ 4 ตร.ม. ติดป้ายแสดงจำนวน  ตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้าล่วงหน้าหรือหน้างาน โดยจัดจุดให้บริการให้เห็นชัดเจน

“ส่วนการจัดงานที่มีผู้ร่วมงานต่ำกว่า 1,000 คน ให้ดำเนินการตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้แล้ว เช่นกัน  เช่นกำหนดช่องทางเข้า-ออกจากงาน จุดเดียว และมีระบบคิว ให้สามารถควบคุมได้  ต้องตรวจ ATK ก่อนจัดงานภายใน 72 ชั่วโมง จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 1 คนต่อ 4 ตร.ม. และติดป้ายแสดงจำนวน เป็นต้น” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.รับทราบกิจกรรมปีใหม่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท .) เสนอจัดในทุกภูมิภาคจำนวน 5 จังหวัด โดยมีพื้นที่จัดงานหลักได้แก่ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดนครราชสีมา หาดแสงจันทร์ จังหวัดระยอง วัดพระราม จังหวัดพระนครศรีอยธยา หาดปลายแหลมสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังจัดงานในพื้นที่อื่น ๆ ภาคเหนือ 13 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัดภาคตะวันออก 3 จังหวัดภาคใต้ 8 จังหวัดรวม 44 จังหวัดด้วย

“ขณะที่กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่วนกลางจัดที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วันที่ 31 ธ.ค. 64 เวลา 22.30 น. กิจกรรมประกอบด้วย เจริญจิตตภาวนาและสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า วัดอรุณราชวราราม วันที่ 31 ธ.ค. 64 เวลา 23.30 น. กิจกรรมประกอบด้วย เจริญจิตตภาวนา สวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า วันที่ 1 ม.ค. 65 เวลา 07.00 น. พิธีตักบาตรรับปีใหม่ ส่วนภูมิภาค สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นใน 3 ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ส่งเสริมบูรณาการความร่วมมือทางศาสนา ส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวในมิติศาสนา”  โฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]