สมาพันธรัฐสวิส 1 ธ.ค.-“อนุทิน” รมว.สาธารณสุข แบ่งปันประสบการณ์เป็นกลไกช่วยไทยควบคุมโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เผยไทยสนใจร่วมบริจาควัคซีนแก่แอฟริกา ผ่านโครงการ AVAT
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วานนี้(30 พ.ย. 64) เวลา 18.00 น . ตามเวลาท้องถิ่น นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส หลังการเข้าร่วมประชุม สมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ ณ สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก(WHO) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เป็นวันที่2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พบหารือทวิภาคีกับ นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ในประเด็นที่ให้ประเทศไทยเข้าร่วมใน Bio Hub System ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบสากลในการแบ่งปันเชื้อไวรัส สำหรับการพัฒนามาตรการป้องกันการระบาดของโรคต่างๆ ที่รวดเร็ว มีการตอบสนองทางการแพทย์อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ การหารือยังรวมถึงการที่ไทยจะเข้าร่วมโครงการนำร่องการทบทวนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และความมั่นคงทางสุขภาพด้านการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Universal Health Preparedness and Response, UHPR) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในการหารือผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ( WHO) ได้ชื่นชมที่ประเทศไทยมีระบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบสุขภาพปฐมภูมิ หรือ Primary Health Care ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้โอกาสนี้ในการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ว่า การมีระบบสุขภาพ 3 หมอ ตั้งแต่ อสม. พยาบาลวิชาชีพประจำ รพสต. ก่อนจะส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาล ได้ช่วยให้ไทยสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง และเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการหารือ นายอนุทิน ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบไขว้ในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับแจ้งให้ทาง WHO ทราบถึงนโนบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ว่า เนื่องจากขณะนี้ไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 จำนวนที่เพียงพอ และมีหลายแพลตฟอร์ม และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนภายในประเทศเอง ก็มีความสนในที่จะบริจาคให้กับประเทศที่ยังเข้าถึงวัคซีนน้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยมีการระบาดหนักและวัคซีนมีจำกัดนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือ ได้รับบริจาคจากหลายประเทศ จนผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ได้เสนอว่าหากไทยมีความสนใจในการแบ่งปันวัคซีนแก่ประเทศที่ยังเข้าถึงวัคซีนน้อย อาจจะเลือกเข้าร่วมโครงการ African Vaccine Association Trust หรือ AVAT ซึ่งเป็นโครงการบริจาควัคซีนต่อจาก COVAX แต่เป็นการบริจาคให้กับประเทศในทวีปแอฟริกาโดยตรง
น.ส.ไตรีศุลี กล่าวว่า นายอนุทิน แสดงความสนใจที่ประเทศไทยจะให้ความช่วยเหลือแบ่งปันวัคซีนแก่ประเทศในแอฟริกาที่ขณะนี้เผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และขณะนี้ประชาชนยังเข้าถึงวัคซีนน้อย ซึ่งได้แจ้งกับ WHO ว่านำประเด็นนี้กลับมาหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ และแจ้งแนวทางร่วมโครงการของประเทศไทยอย่างเร่งด่วนต่อไป
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้ร่วมแสดงความยินดีกับโอกาสที่ นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส จะได้รับการรับรองจากประเทศสมาชิกให้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ WHO อีกสมัย เนื่องจากการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า ซึ่งสมาชิกจาก 20 กว่าประเทศได้เสนอชื่อผู้อำนวยการใหญ่ WHO คนปัจจุบันเพียงรายเดียว จึงรอเพียงการประชุมเพื่อรับรองเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย