นายกฯ สั่งเฝ้าระวังการเดินทางช่วงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

ทำเนียบ 27 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี มอบหน่วยงานทั้งด้านสาธารณสุข ความมั่นคง คมนาคม ท่องเที่ยว ติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” ในแอฟริกาใต้ เฝ้าระวังการเดินทางช่วงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบกรณีที่ได้มีรายงานว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 ที่พบในแอฟริกาใต้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่อาจแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์อื่น และ WHO ตั้งชื่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ว่า โอไมครอน (Omicron)  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานทั้งด้านสาธารณสุข ความมั่นคง คมนาคม และการท่องเที่ยว ให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมวางมาตรการเฝ้าระวังที่เข้มงวด เพราะแม้การแพร่ระบาดจะยังไม่เกิดในประเทศไทย แต่ขณะนี้ไทยก็อยู่ในช่วงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต้องร่วมกันดูแลไม่ให้ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวเข้ามายังประเทศไทย  


“ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ยุโรป นายกรัฐมนตรีขอให้ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข ความมั่นคง คมนาคม ท่องเที่ยว ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด มีการกำชับผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า ให้ปฏิบัติตามมาตรการการคัดกรองที่เข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

ทั้งนี้ รายงานของกรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1-25 พ.ย.64 มีผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางท่าอากาศยาน 5 แห่งประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต และสมุย รวมแล้ว 104,065 คน โดยเป็นผู้เดินทางในกรณี Test&Go จำนวน 81,270  คน  กรณีตามโครงการ Sandbox จำนวน 18,360 คน และกรณีกักตัว (Quarantine) จำนวน 4,435 คน  

พบผู้ที่ตรวจ RT-PCR แล้วมีผลเป็นบวก 135 คน คิดเป็นอัตรา 0.13% ของผู้เดินทางจากต่างประเทศมายังประเทศไทยทางอากาศทั้งหมด  โดยเมื่อแยกตามการเดินทางเข้าประเทศไทยในแต่ละกรณีพบว่า กรณี Test&Go มีอัตราการพบเชื้อต่ำที่สุด 0.08% กรณี Sandbox พบเชื้อ 0.20% และกรณี Quarantine พบเชื้อ 0.81% .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง