ก้าวสู่ปีที่ 23 ป.ป.ช.เร่งสางคดีค้างเก่า

กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – ป.ป.ช. ก้าวสู่ปีที่ 23 “วัชรพล” ย้ำทำงานด้วยความ “ซื่อสัตย์-สุจริต-โปร่งใส” ให้สังคมรักและศรัทธา เร่งสางคดีค้างเก่า บังคับใช้กฎหมายลบคำสบประมาททำงานช้า


พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมทั้งผู้บริหาร ร่วมในพิธีวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 22 ปี ในพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์   พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าวมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่  เพื่อขับเคลื่อนในปีต่อไป  ขอชื่นชมและขอบคุณ เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ทุกคน ที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ทุ่มเททำงาน  ถึงแม้จะมีสถานการณ์โรคโควิด-19  แต่ยังมีผลงานด้านการไต่สวนที่มากขึ้นเป็น  2  เท่า  เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี  2563 ที่สามารถสะสางได้ 700 กว่าคดี   และในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่เราต้องเวิร์ก ฟรอม โฮม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็สามารถทำได้ 1,500 คดี   ในปีนี้ตนจึงบอกทุกคนว่าต้องทำให้ได้ในอัตราเดิม  ต้องทำงานกันเหนื่อยหน่อย  เพราะถ้าในปี 2565 ทำได้กว่า 1,500 คดี ต่อไปป.ป.ช. ก็จะมีแต่คดีใหม่ๆ ไม่มีเรื่องค้างเก่า

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ถ้าเราทำคดีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  สิ่งที่จะตามมาคือจะสามารถสร้างกระบวนการป้องปรามได้  การบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว   ขณะนี้พยายามสร้างให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าทุกคนต้องมีบทบาท และหน้าที่ ทุ่มเทเสียสละ มีความภาคภูมิใจ   ในการเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.  ร่วมถึงสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด  สำนักไต่สวน  สำนักตรวจสอบทรัพย์สิน   ทุกๆ สำนักต้องเข้าใจในนโยบายการทำงาน รวดเร็ว โปร่งใส  ให้มีการวางแผนจัดการ   ให้งานในส่วนของตัวเองได้รับการบริหารจัดการ  ตามที่คณะกรรมการวางแถวทางไว้ ว่าลดระยะเวลาในการทำงาน  ดำรงความเป็นธรรม ทำงานด้วยความโปร่งใส  ที่จะตรวจสอบ และสามารถให้ข้อมูลกับสังคม เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  โดยเน้นการบริหารงานอย่างมีส่วนร่วม  ดังนั้นเมื่อทุกคนวางแผนการทำงานของตัวเองตามหลักการทำงาน  วางแผนดำเนินการ  ประเมินและปรับปรุง ในหน้าที่ของตัวเอง หากทุกคนทำได้อย่างนี้ งานจะมีแต่พัฒนา ซึ่งเราต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง


พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การทำงานของ ป.ป.ช.ต้องทำงานทั้ง  เอาท์พุท และ เอาท์คัม เช่น  สามารถสะสางได้ 1,500 คดี ก็ต้องดูว่าชี้มูลได้กี่คดี  เมื่อส่งไปยังอัยการแล้ว ก็ต้องติดตามกระบวนการด้วยว่า อัยการสูงสุดว่าอย่างไร  เห็นด้วยกับคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดหรือไม่  หากอัยการไม่เห็นด้วย  และตั้งข้อไม่สมบูรณ์  ป.ป.ช.ก็จะตั้งกรรมการไปทำงานร่วมกันเพื่อให้สมบูรณ์  หากอัยการไม่ฟ้อง เราก็ต้องดูว่ามีกี่เรื่องที่เขาไม่ฟ้อง เราต้องมีการติดตามรายละเอียดทั้งหมด เพื่อดูที่ผลลัพธ์ของงาน และหากอัยการไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ก็ฟ้องเอง  ดังนั้นต้องดูว่าเมื่อ ป.ป.ช. เอาท์พุตออกมาแล้ว  ก็ต้องไปดูเอาท์คัมว่าอัยการเห็นด้วยกับเรากี่เปอร์เซ็นต์  และที่เขาไม่เห็นด้วย คดีไหนข้อหาเป็นอย่างไร และเนื้อหาเป็นอย่างไร ก็จะกลายเป็นบทเรียนที่เราจะนำมาเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้การทำงานของ ป.ป.ช.เอง ต้องติดตามทุกสเต็ปจนกระทั่งคดีถึงที่สุด  

 ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาที่ยังเหลืออยู่คือ การตรวจรับคำกล่าวหา และเรื่องตรวจสอบที่ค้างอยู่อีกมาก  ซึ่งในปีนี้มีนโยบายเร่งเรื่องตรวจสอบที่ค้างเก่า  โดยมีเป้าหมายว่าต่อไปการตรวจสอบต้องไม่เกิน 1 ปี  ไต่สวนก็ต้องเร็วที่สุด โดยขึ้นอยู่กับขนาดของคดี เล็ก กลาง ใหญ่  ให้มีหัวใจว่าทำงานอย่างมีเป้าหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ เผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนพร้อมกับให้สื่อมวลชนเป็นหูเป็นตาช่วยเรา และจะทำให้เราทำงานได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ผู้สื่อข่าวถามว่าการทำงานตรวจสอบนักการเมือง  ป.ป.ช.ยังจะทำเข้มข้นเหมือนเดิมหรือไม่  พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าวว่า ในการทำงานของ ป.ป.ช.ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่นักการเมือง  เรามีหน้าที่ไต่สวนวินิจฉัย ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่รัฐ  หากคดีไหนสังคมสนใจ คดีที่เกิดความเสียหายต่อระบบส่วนรวม นั่นคือ งานของป.ป.ช.    เมื่อป.ป.ช.ทำงานเช่นนี้ทำให้เกิดกระแสสังคมว่าเราเอาจริงแล้ว  ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญคือ ป.ป.ช.ต้องให้ความเป็นธรรม โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ คนของ ป.ป.ช. ต้องมีมาตรฐาน ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นแบบอย่างได้


“ ยืนยันว่า ไม่ได้ดูที่ชื่อหรือนามสกุลผู้ถูกกล่าวหา  แต่จะต้องวิเคราะห์ว่าเรื่องใดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม  เรื่องใดที่จะทำให้เกิดกระแสในการต่อต้าน  ทำให้เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อสังคม  ไม่ได้ดูว่าเป็นคดีของกลุ่มไหน  หรือจ้องดำเนินการเฉพาะกลุ่มเฉพาะบุคคล  เมื่อเราดูว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจ  เราก็จะวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าของงาน โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกคน  ทุกคดี  ยึดหัวใจที่สำคัญคือ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้  เจ้าหน้าที่เราต้องทำงานด้วยความภาคภูมิใจ เสียสละ เพราะงานนี้ไม่มีใครอยากทำ เนื่องจากไม่มีใครชื่นชม  มีแต่จะชอบมากหรือชอบน้อย  หรือไม่ชอบเลย มีน้อยมากที่จะชอบหรือจะรัก ป.ป.ช.   ดังนั้นเราต้องคิดว่าทำอย่างไรที่จะให้คนและสังคมศรัทธา “ พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย

รวบ 2 นักพนันปอยเปต มุดช่องทางธรรมชาติข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 22 มิ.ย.- รวบ 2 นักพนันชาวไทย อยากกลับภูมิลำเนา หลบจากบ่อนปอยเปต มุดช่องทางธรรมชาติ เหตุนำพาสปอร์ตจำนำไว้ที่บ่อน ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อคืนที่ผ่านมา กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) โดยหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ, ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12(ร้อย ชค.1201) เข้มงวดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะออกทำการลาดตระเวนแนวชายแดน ตรวจพบหญิง 2 คน กำลังปีนเครื่องกีดขวาง(ลวดหนามหีบเพลง) จากฝั่งกัมพูชา เข้ามาฝั่งประเทศไทย บริเวณแนวชายแดนคลองลึก บ.ดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากตรวจสอบเอกสารประจำตัวทราบชื่อต่อมา น.ส.จุฑาวรรณ ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ เดินทางไปเล่นการพนันช่วงเดือน เม.ย.68 ที่จุดผ่านแดนถาวร บ.คลองลึก และเสียการพนัน จึงได้จำนำหนังสือเดินทาง (passport) ไว้ที่บ่อน และ นางปนัดดา ภูมิลำเนา จ.ขอนแก่น เดินทางไปเล่นการพนัน ตั้งแต่ ส.ค.66 ทางช่องทางธรรมชาติ โดยทั้ง 2 คน ให้การเบื้องต้นกับทางเจ้าหน้าที่ […]