ก้าวสู่ปีที่ 23 ป.ป.ช.เร่งสางคดีค้างเก่า

กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – ป.ป.ช. ก้าวสู่ปีที่ 23 “วัชรพล” ย้ำทำงานด้วยความ “ซื่อสัตย์-สุจริต-โปร่งใส” ให้สังคมรักและศรัทธา เร่งสางคดีค้างเก่า บังคับใช้กฎหมายลบคำสบประมาททำงานช้า


พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมทั้งผู้บริหาร ร่วมในพิธีวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 22 ปี ในพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์   พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าวมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่  เพื่อขับเคลื่อนในปีต่อไป  ขอชื่นชมและขอบคุณ เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ทุกคน ที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ทุ่มเททำงาน  ถึงแม้จะมีสถานการณ์โรคโควิด-19  แต่ยังมีผลงานด้านการไต่สวนที่มากขึ้นเป็น  2  เท่า  เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี  2563 ที่สามารถสะสางได้ 700 กว่าคดี   และในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่เราต้องเวิร์ก ฟรอม โฮม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็สามารถทำได้ 1,500 คดี   ในปีนี้ตนจึงบอกทุกคนว่าต้องทำให้ได้ในอัตราเดิม  ต้องทำงานกันเหนื่อยหน่อย  เพราะถ้าในปี 2565 ทำได้กว่า 1,500 คดี ต่อไปป.ป.ช. ก็จะมีแต่คดีใหม่ๆ ไม่มีเรื่องค้างเก่า

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ถ้าเราทำคดีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  สิ่งที่จะตามมาคือจะสามารถสร้างกระบวนการป้องปรามได้  การบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว   ขณะนี้พยายามสร้างให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าทุกคนต้องมีบทบาท และหน้าที่ ทุ่มเทเสียสละ มีความภาคภูมิใจ   ในการเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.  ร่วมถึงสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด  สำนักไต่สวน  สำนักตรวจสอบทรัพย์สิน   ทุกๆ สำนักต้องเข้าใจในนโยบายการทำงาน รวดเร็ว โปร่งใส  ให้มีการวางแผนจัดการ   ให้งานในส่วนของตัวเองได้รับการบริหารจัดการ  ตามที่คณะกรรมการวางแถวทางไว้ ว่าลดระยะเวลาในการทำงาน  ดำรงความเป็นธรรม ทำงานด้วยความโปร่งใส  ที่จะตรวจสอบ และสามารถให้ข้อมูลกับสังคม เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  โดยเน้นการบริหารงานอย่างมีส่วนร่วม  ดังนั้นเมื่อทุกคนวางแผนการทำงานของตัวเองตามหลักการทำงาน  วางแผนดำเนินการ  ประเมินและปรับปรุง ในหน้าที่ของตัวเอง หากทุกคนทำได้อย่างนี้ งานจะมีแต่พัฒนา ซึ่งเราต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง


พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า การทำงานของ ป.ป.ช.ต้องทำงานทั้ง  เอาท์พุท และ เอาท์คัม เช่น  สามารถสะสางได้ 1,500 คดี ก็ต้องดูว่าชี้มูลได้กี่คดี  เมื่อส่งไปยังอัยการแล้ว ก็ต้องติดตามกระบวนการด้วยว่า อัยการสูงสุดว่าอย่างไร  เห็นด้วยกับคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดหรือไม่  หากอัยการไม่เห็นด้วย  และตั้งข้อไม่สมบูรณ์  ป.ป.ช.ก็จะตั้งกรรมการไปทำงานร่วมกันเพื่อให้สมบูรณ์  หากอัยการไม่ฟ้อง เราก็ต้องดูว่ามีกี่เรื่องที่เขาไม่ฟ้อง เราต้องมีการติดตามรายละเอียดทั้งหมด เพื่อดูที่ผลลัพธ์ของงาน และหากอัยการไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ก็ฟ้องเอง  ดังนั้นต้องดูว่าเมื่อ ป.ป.ช. เอาท์พุตออกมาแล้ว  ก็ต้องไปดูเอาท์คัมว่าอัยการเห็นด้วยกับเรากี่เปอร์เซ็นต์  และที่เขาไม่เห็นด้วย คดีไหนข้อหาเป็นอย่างไร และเนื้อหาเป็นอย่างไร ก็จะกลายเป็นบทเรียนที่เราจะนำมาเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้การทำงานของ ป.ป.ช.เอง ต้องติดตามทุกสเต็ปจนกระทั่งคดีถึงที่สุด  

 ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาที่ยังเหลืออยู่คือ การตรวจรับคำกล่าวหา และเรื่องตรวจสอบที่ค้างอยู่อีกมาก  ซึ่งในปีนี้มีนโยบายเร่งเรื่องตรวจสอบที่ค้างเก่า  โดยมีเป้าหมายว่าต่อไปการตรวจสอบต้องไม่เกิน 1 ปี  ไต่สวนก็ต้องเร็วที่สุด โดยขึ้นอยู่กับขนาดของคดี เล็ก กลาง ใหญ่  ให้มีหัวใจว่าทำงานอย่างมีเป้าหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ เผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนพร้อมกับให้สื่อมวลชนเป็นหูเป็นตาช่วยเรา และจะทำให้เราทำงานได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ผู้สื่อข่าวถามว่าการทำงานตรวจสอบนักการเมือง  ป.ป.ช.ยังจะทำเข้มข้นเหมือนเดิมหรือไม่  พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าวว่า ในการทำงานของ ป.ป.ช.ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่นักการเมือง  เรามีหน้าที่ไต่สวนวินิจฉัย ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่รัฐ  หากคดีไหนสังคมสนใจ คดีที่เกิดความเสียหายต่อระบบส่วนรวม นั่นคือ งานของป.ป.ช.    เมื่อป.ป.ช.ทำงานเช่นนี้ทำให้เกิดกระแสสังคมว่าเราเอาจริงแล้ว  ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญคือ ป.ป.ช.ต้องให้ความเป็นธรรม โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ คนของ ป.ป.ช. ต้องมีมาตรฐาน ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นแบบอย่างได้


“ ยืนยันว่า ไม่ได้ดูที่ชื่อหรือนามสกุลผู้ถูกกล่าวหา  แต่จะต้องวิเคราะห์ว่าเรื่องใดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม  เรื่องใดที่จะทำให้เกิดกระแสในการต่อต้าน  ทำให้เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อสังคม  ไม่ได้ดูว่าเป็นคดีของกลุ่มไหน  หรือจ้องดำเนินการเฉพาะกลุ่มเฉพาะบุคคล  เมื่อเราดูว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจ  เราก็จะวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าของงาน โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกคน  ทุกคดี  ยึดหัวใจที่สำคัญคือ ความโปร่งใส ตรวจสอบได้  เจ้าหน้าที่เราต้องทำงานด้วยความภาคภูมิใจ เสียสละ เพราะงานนี้ไม่มีใครอยากทำ เนื่องจากไม่มีใครชื่นชม  มีแต่จะชอบมากหรือชอบน้อย  หรือไม่ชอบเลย มีน้อยมากที่จะชอบหรือจะรัก ป.ป.ช.   ดังนั้นเราต้องคิดว่าทำอย่างไรที่จะให้คนและสังคมศรัทธา “ พล.ต.อ.วัชรพล  กล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]