รัฐสภา 16 พ.ย.- ส.ว. ซัดแรง “ปิยบุตร” หลังถูกวิจารณ์ไร้ผลงาน ชี้ ส.ว.มาจากรัฐธรรมนูญ
การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในช่วงบ่าย เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน สมาชิกรัฐสภา ยังอภิปรายอย่างต่อเนื่อง โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามต่อเนื้อหาว่า ตนเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่สุดโต่ง ต้องหาพื้นที่ตรงกลาง เพื่อให้ทุกฝ่ายหาทางออกในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง กรณีที่เสนอให้ยกเลิกส.ว. และไม่ให้ส.ว. ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วจะให้ส.ว.ปัจจุบันลงมติรับหลักการได้อย่างไร และมองว่า คนที่ออกแบบระบอบประชาธิปไตยต้องการสังคมที่ส่งทอดอำนาจด้วยสันติวิธีและระบอบเลือกตั้งที่สุจริต แต่องค์ประกอบที่เสนอนั้นยุติธรรมเพียงพอ และไม่สร้างความแตกแยกอย่างไร
นายชินวรณ์ กล่าวว่า การรัฐประหารที่เสนอให้มีกลไกป้องกันนั้น ตนเห็นด้วย แต่การป้องกันด้วยกฎหมายทำได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่จะไม่ทำให้เกิดรัฐประหาร คือ พฤติกรรมของนักการเมือง ที่ไม่แบ่งแยกคนในสังคม เคารพระบบนิติธรรมอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ รวมถึงไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยมีรัฐประหาร ตนมองว่าสิ่งที่ป้องกันได้ คือ ประชาชนลุกมาต่อสู้ แม้ตนอายุเยอะแล้ว แต่หากประชาชนลุกมาต่อสู้อีกสักครั้ง ตนพร้อมเอาด้วย
ทั้งนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ร่วมเสนอร่าง ชี้แจงเหตุผลของการมีสภาเดียวว่า มีเหตุผลเชิงประจักษ์ที่ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิสภา คือ ผลงานของ ส.ว.ชุดปัจจุบันที่พบว่า ส.ว. มักเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และพระราชกำหนด แม้สภาฯ จะไม่เห็นด้วย และมีเพียงฉบับเดียวที่ไม่เห็นด้วย คือ ร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่…) พ.ศ… ดังนั้น ตรงไหนที่ส.ว.ทำหน้าที่ถ่วงดุลกลั่นกรองกฎหมาย ก็คือ ไม่มีเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการชี้แจงของนายปิยบุตร ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตวราหะ ส.ว. ลุกประท้วงว่า ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า “ส.ว. มาตามรัฐธรรมนูญ แต่คนที่กำลังอภิปรายนั้น ไม่สมควรที่จะมาชี้แจง หรือเสนอรัฐธรรมนูญเพราะเป็นคนเนรคุณแผ่นดิน”
ทำให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกประท้วงและขอให้ถอนคำพูด ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมพยายามควบคุมการประชุม และขอให้ถอนคำพูด นายกิตติศักดิ์ จึงกล่าวว่า “ขอถอนคำว่า จากเนรคุณแผ่นดิน แต่เปลี่ยนเป็น คนที่ต้องการล้มสถาบัน” ทำให้นายพรเพชร กล่าวว่า เป็นคำที่ไม่เหมาะสมขอให้ถอนคำพูด ในที่สุด นายกิตติศักดิ์ ก็ยอมถอนคำพูดดังกล่าว
จากนั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเพิ่งเคยเห็นประวัติศาสตร์ประชุมสภาฯ ว่ามีสมาชิกลุกกล่าวหาผู้อภิปราย แต่ไม่เป็นไร เพราะตนถือคติไม่เคยฟ้องดูหมิ่นใคร เชิญวิจารณ์ไป เพราะประชาชนจะวินิจฉัยเองว่ามี ส.ว. แบบนี้สมควรมีสภาเดี่ยวหรือสภาคู่ต่อไป จากนั้น นายปิยบุตร ได้ชี้แจงต่อว่า ผู้ตรวจของสภาที่จะตั้งไม่มีอำนาจกลับคำพิพากษา แค่ศึกษาในคำวินิจฉัยเท่านั้น ดังนั้นหลักการแบ่งแยกอำนาจยังมี เพราะไม่ได้แทรกแซงคำตัดสินของศาล “การแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกส.ว.เพราะให้มีสภาเดียว แต่การแก้รัฐธรรมนูญต้องขอความเห็นชอบจากส.ว. 84 เสียง สะท้อนให้เห็นถึงความผิดปกติของการออกแบบรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น หากไม่มีส.ว.ช่วยเหลือ ไม่มีทางผ่าน ส.ว.คือ ผู้ออกใบอนุญาตทุกครั้งว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดจะแก้ได้หรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภาที่เห็นความสำคัญ ทั้งนี้ หากมีสภาเดียวแล้ว อาจมีสภาที่ปรึกษาก็ได้ เพียงแต่ขอบอำนาจไม่อยู่ในกระบวนการนิติบัญญัติ” นายปิยบุตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย