ทำเนียบรัฐบาล 8 พ.ย.64.-โฆษกรัฐบาลเผย รัฐประเมินสถานการณ์หลังเปิดประเทศครบ 7 วัน น่าพอใจ ประชาชนเชื่อมั่น คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี ขณะที่ “นายก” กำชับคุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกม.จริงจัง ต่อเนื่อง ย้ำผู้ประกอบการตามใกล้ชิด อย่าประมาท
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลประเมินว่าสถานการณ์หลังจากเปิดประเทศแล้ว 7 วันเป็นที่น่าพอใจ โดยมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อโควิดเพียง 15 คน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ประชาชนและนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นต่อการเปิดประเทศและแนวทางอื่นของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ที่มีเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 300,000 คน ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศและกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศมีมากขึ้น ราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างเหมาะสม
“สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความเป็นห่วงคือปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว จึงกำชับฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงแรงงานให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 7 วันที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่จับกุมแรงงานต่าวด้าวลักลอบเข้าเมืองได้กว่า 2,800 คน เพราะเมื่อดูจากสถิติก่อนหน้านี้กลุ่มแรงงานต่างด้าวมักเป็นต้นเหตุของการระบาดโควิดโดยเฉพาะในตลาด ไม่ว่าจะเป็นกทม. จ.สมุทรสาคร หรือจ.เชียงใหม่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ขอให้ผู้ประกอบการและนายจ้างเข้มงวดกับการจ้างแรงงาน เข้าใจดีถึงความจำเป็น แต่ต้องจ้างแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย กักตัว ลงทะเบียนเพื่อติดตามและฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน กวดขันพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ในตลาด ชุมชน และโรงงาน ทั้งหมดคือเหตุผลที่รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมเข้มงวดแม้ว่าหลายอย่างจะผ่อนคลายลงแล้ว แต่จะต้องไม่ประมาท เพราะเราเปิดประเทศจึงต้องยกระดับมาตรการให้สูงขึ้นเพื่อปกป้องชีวิตคนไทย .-สำนักข่าวไทย