ทำเนียบ 28 ต.ค. – “สุชาติ” รับ เตรียมการปรับโครงสร้างพรรค พปชร.จริง ชี้เป็นเรื่องปกติ เชื่อ หากปรับสมดุลแล้วจะยังทำงานร่วมกันได้
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึง การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ (28 พ.ค.) ว่า กำลังดูอยู่ว่าจะมีการประชุมหรือไม่มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค ตนเป็นแค่คณะกรรมการ 1 เสียงเท่านั้น ซึ่งการที่มีกรรมการบริหารพรรคบางคนลาออกแล้ว ก็เป็นการเตรียมการ หากมีการบริหารพรรคผิดพลาดหรือแนวทางที่ไม่ตรงกัน ในฐานะที่เป็นเสียงข้างน้อยก็ต้องพิจารณาตัวเอง หากเสียงสะท้อนที่ส่งสัญญาณไปมีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง และประโยชน์ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ตนก็เคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจของสมาชิกทุกคน ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่ตั้งมาใหม่ และมี ส.ส. 100 กว่าคน ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ยากมาก
หลังจากนี้จะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ ระบุว่า พรรคการเมืองก็มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อปรับสมดุลย์ของการเมือง วันนี้เราอาจเป็นคนที่ดีและเหมาะสม แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปก็อาจจะไม่ใช่เรา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนการที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ระบุว่า พยายามขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าทำไม่สำเร็จจะอยู่อย่างไร นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นความมคิดของนายสมศักดิ์ เราอาจเห็นไม่เหมือนกัน ตนก็เป็น 1 ในเสียงของคณะกรรมการบริหารพรรค หากเป็นแล้วไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ก็ไม่ควรที่จะเป็น หากเป็นแล้วเสนอแนวคิด หรือคิดเห็นไม่ตรงกันกับเสียงข้างมาก หรืออยู่แล้วไม่สบายใจ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ซึ่งทุกอย่างที่เสนอไปไม่ได้เสนอเพื่อตัวเอง เสนอเพื่อให้พรรคเติบโตและเป็นสถาบันการเมืองที่แข็งแรง และหัวหน้าพรรคการเมืองมีความสง่างาม
นายสุชาติ ยังย้ำว่า การปรับโครงสร้างเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองใหญ่ เราเองก็เป็นพรรคการเมืองใหญ่ เราต้องมีการปรับเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น และทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้
เมื่อถามว่า หาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังเป็นเลขาธิการพรรค แล้ว 6 รัฐมนตรีจะยังคงทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า แน่นอน คงต้องแยกประเด็นกัน การเลือกตั้งยังเหลือเวลาอีกตั้งปีกว่า แต่เชื่อว่าเมื่อเราปรับสมดุลย์ก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้และทำให้พรรคแข็งแรง ส่วนการปรับครั้งนี้แล้วปัญหาจะยุติหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ พรรคเราตั้งมาใหม่ เรายึดที่หัวหน้า ไม่เหมือนพรรคอื่นที่เขามีสาขา มีหัวหน้าภาค รองภาคต่างๆ ซึ่งพรรคก็ต้องค่อยๆ ปรับหาสมดุลย์เพื่อให้มีความพร้อม.-สำนักข่าวไทย.