ทำเนียบรัฐบาล 25 ต.ค.-ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยืนยันมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพพร้อมแผนเผชิญเหตุรองรับเปิดประเทศ ไม่บังคับ แต่ขอความร่วมมือขั้นสูงสุด แนะประชาชนเร่งรับวัคซีน หลังพบร้อยละ 90 เหตุเสียชีวิต
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนเป็นห่วงการเปิดประเทศ ว่า การเปิดประเทศของไทยมีรายชื่อประเทศที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวรวม 45 ประเทศ และ 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศต้นทางด้วย ซึ่งการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจะต้องจำกัดเที่ยวบินการเดินทางไม่ได้เปิดเสรี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจการเปิดประเทศเป็นไปตามเงื่อนไขความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขรองรับได้ โดยการเปิดเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนประเทศที่คำนึงถึงคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศด้วย
“การพิจารณาจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประเมินโดยไม่พิจารณาเฉพาะจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเท่านั้น โดยจะพิจารณาการฉีดวัคซีน อัตราการป่วยและอัตราการเสียชีวิตในพื้นที่ด้วย ซึ่งหากพบการแพร่ระบาดที่เป็นกลุ่มก้อนเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพและแผนเผชิญเหตุรองรับไว้แล้ว เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หรือชะลอการเปิดเมืองได้ ซึ่งขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการเปิดประเทศเป็นการเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไปและเปิดเฉพาะพื้นที่ รวมทั้งยังขอให้ประชาชนในพื้นที่นำร่อง 17 จังหวัด เร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อเตรียมพร้อมเปิดเมืองและเปิดประเทศ” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการปลอดภัย (COVID-Free Setting) จะไม่ใช้มาตรการบังคับ แต่ขอความร่วมมือขั้นสูงสุดจากร้านค้าและสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ แต่เนื่องจากเป็นวิถีใหม่ต้องให้เวลาในการทำความเข้าใจและปรับตัวแก่ประชาชนด้วย
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ที่ประชุม ศบค.ส่วนหน้าตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหารือมาตรการเยียวยาประชาชนและสถานประกอบการในพื้นที่ที่รับความเดือดร้อน ซึ่งมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมร่วมกันพิจารณา เนื่องจากหลายประเด็นละเอียดอ่อน การจัดการควบคุมการแพร่ระบาดต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งผู้ตรวจสุขภาพราชการเขตที่ 12 สรุปมาตรการโดยรวม 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบรายงานผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณวันละ 2,000 คน อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่จังหวัดปัตตานีและนราธิวาส
“ผู้เสียชีวิตอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ โดยร้อยละ 90 คือกลุ่มที่ไม่รับการฉีดวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ ซึ่งแผนโครงการควบคุมการแพร่ระบาดในส่วนของวัคซีนจะระดมฉีดวัคซีนให้ได้มากขึ้น โดยในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ จะอัพเดทตัวเลขการฉีดวัคซีนในกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้และจะมีแผนเพิ่มศักยภาพการฉีดวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งบุคลาการทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ลงไปช่วยอีกด้วย โดยต้องบูรณาการการทำงานให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ศาสนาและประเพณีด้วย” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย