ศบค.แจงมาตรการรับนักท่องเที่ยวไม่กักตัว 46 ประเทศ

กรุงเทพฯ 22 ต.ค.-ศบค. ชี้แจงรายละเอียดนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศ สามารถเดินทางเข้าไทยไม่ต้องกักตัว รวมถึงการยกเลิกเคอร์ฟิว 17 จังหวัด ที่จะเริ่มตั้งแต่ 31 ต.ค. เวลา 23.00 น.

แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงรายละเอียด เกี่ยวกับรายชื่อ 46 ประเทศที่ได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุม ศบค. มาตรการการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 36 หลังการแพร่ระบาด เชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มดีขึ้น จำเป็นที่ต้องฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ ด้านการใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจ ในเบื้องต้นมีการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ การจ้างงานในภาพรวมของไทย โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ที่ต้องยึดหลักความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งประชาชนในประเทศ เกิดการขับเคลื่อน เศรษฐกิจและสังคม ให้สามารถดำเนินการควบคู่ กับมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ที่มีสถานการณ์คล้ายคลึงกัน


โดยได้มีการกำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox) กำหนดมาตรการ ควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว การยกเลิก ห้ามออกนอกเคหสถาน ในพื้นที่นำร่อง จากเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในเวลา 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ใน 17 จังหวัด ที่เคยระบุเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องสีฟ้าก่อนหน้านี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ พร้อมห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คน โดยให้มีการเตรียมความพร้อม ของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว โดยในระยะเริ่มแรกของการดำเนินการเปิดพื้นที่ ทั้งสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่อง ยังคงปิดดำเนินการไว้ก่อนในช่วงนี้

นอกจากนี้ มีการกำหนดรายละเอียด ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ที่เดินทางจากประเทศต้นทาง ซึ่งได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามา ต้องมีผลตรวจโควิด-19 ยืนยันชัดเจน พร้อมต้องมีหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนครบโดส การชำระค่าที่พัก รวมทั้งมีกรมธรรม์ประกันภัย และประกันสุขภาพติดตัวมาด้วย วงเงินอย่างน้อย 50,000 US แต่ถ้าเป็นคนไทย สัญชาติไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกัน พร้อมทั้งไม่จำเป็นต้องอยู่ครบ จำนวน 20 วัน


สำหรับคนไทยจากต่างประเทศ ที่ประสงค์จะเดินทางมาในประเทศไทยได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก เดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว มี45 ประเทศและ 1 เขต บริหารพิเศษ (ฮ่องกง) กลุ่มที่ 2 เข้าร่วมโครงการ Sandbox ( ภูเก็ต สมุย พังงา และกระบี่) โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน คือต้องฉีดวัคซีนครบโดส และกลุ่ม 3 เดินทางมาจากประเทศอื่นๆนอกเหนือจาก 45+1 ประเทศ สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย ได้แต่จะต้อง ปฏิบัติตามมาตรการกักกันโรคที่รัฐจัดให้ หรือสถานที่กักกันโรคทางเลือก

ทั้งนี้ ศบค.ได้ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,810 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 9,001 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 679 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 120 ราย และ ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 10 ราย มาจาก สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ประเทศละ 1 ราย และมาจากกัมพูชา 2 ราย และเมียนมา 3 ราย

ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK 2,898 ราย เสียชีวิต 66 ราย สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 1,831,389 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 10,513 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 18,625 ราย


จังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 908 ราย, สงขลา 676 ราย, นครศรีธรรมราช 662 ราย, ยะลา 432 ราย, ปัตตานี 422 ราย, เชียงใหม่ 412 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 341 ราย, ตาก 309 ราย, สมุทรปราการ 307 ราย และนราธิวาส 306 ราย โดยประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับที่ 24.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่