จับตาศาลชี้ขาดคดีเหมืองทองอัครา 31 ต.ค.นี้

พรรคเพื่อไทย 19 ต.ค.- เพื่อไทยเรียกร้องประชาชน-สื่อ จับตาคำชี้ขาดคดีเหมืองทองอัครา 31 ต.ค.นี้ ชวนลงชื่อคัดค้านปกป้องสมบัติชาติ ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องรับผิดชอบหลังใช้ ม.44 สร้างความเสียหาย


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย  ร่วมแถลงข่าวเรื่องมหากาพย์ค่าโง่ เหมืองทองอัครา !! “ปกป้องทรัพย์สมบัติชาติ ไม่ให้นำไปชดใช้ความผิดพลาดจากการปิดเหมืองทองอัคราของคสช.”  ที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ดำเนินการ โดยนายสมพงษ์ กล่าวถึงข้อห่วงใยการดำเนินการของรัฐบาล โดยเฉพาะความเสียหายที่อาจเกิดผลกระทบต่อประเทศชาติ ซึ่งกรณีเหมืองทองอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ และเมื่อ 23 กันยายน2564 ที่ผ่านมา บริษัทคิงส์เกตได้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ในออสเตรเลีย แจ้งการเจรจากับรัฐบาลไทยขออนุญาตดำเนินการเรื่องต่าง ๆ โดยเร็วนั้น จึงมีความห่วงเรื่องการเจรจา ก่อนจะยื่นให้อนุญาโตตุลาการตัดสิน 31 ตุลาคมนี้ กังวลว่าหากเป็นไปตามที่คิงส์เกตแถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง

น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยติดตามมาโดยตลอด ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ ส.ส.ของพรรคนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ได้อภิปรายเปิดประเด็นไว้เมื่อปี 2562 และ นางสาวจิราพร อภิปรายไม่ไว้วางใจปีนี้ที่เพิ่งผ่านมา ก่อนจะอธิบายถึงการใช้กฎหมายมาตรา 44 ที่72/2559 ของ คสช. ระงับการทำเหมืองแร่ทองคำเมื่อ 1 มกราคม 2560 จากนั้นได้นำประเด็นพิพาทเข้าสู่อนุญาโตตุลาการเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2560 ก่อนจะเข้ากระบวนการไต่สวน บริษัทคิงส์เกตเรียกค่าเสียหาย 22,500 ล้านบาท ซึ่งไต่สวนที่ประเทศสิงคโปร์  ช่วงวันที่ 3-12 กุมภาพันธ์ 2563 จากนั้น 23 กันยายน 2564 บริษัทคิงส์เกตแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียเรื่องการเจรจากับไทยว่าจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ โดยจะประกาศข้อตัดสินชี้ขาด 31 ตุลาคมนี้


“ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศที่ประชุมครม.ว่าจะรับผิดชอบเอง เพราะเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ต้น เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 พรรคจึงอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะอนุญาโตตุลาการเตรียมออกคำตัดสินชี้ขาด แต่คู่พิพาทระหว่างรัฐบาลไทย กับ บริษัทคิงส์เกตได้เจรจาตกลงกันว่าจะขอยืดเวลาสั้น ๆ ให้อนุญาโตตุลาการพิเศษออกคำตัดสินในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ในข้อเจรจายุติประนีประนอมข้อพิพาทที่สองฝ่ายพึงพอใจ ซึ่งถ้อยแถลงการของคิงส์เกตุ มีส่วนหนึ่งที่คนไทยต้องสนใจว่าจะเป็นมหากาพย์ค่าโง่ ที่ไทยจะสูญเสียทรัพย์สมบัติของชาติ เพื่อแลกกับความผิดพลาดของคสช. โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ยึดเหมืองทองของเขามาเป็นของรัฐโดยมิชอบ ซึ่งมาตรา 44 เป็นกฎหมายบังคับใช้ที่ไม่ผ่านรัฐสภา” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่บ.คิงส์เกตแถลงอยู่นอกเหนือข้อพิพาท อ้างถึงคือ 1.ข้อเสนอของคิงส์เกตจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทยทุกข้อโดยไม่มีข้อจำกัด ได้รับการอนุญาตทำเหมือนได้ใหม่ทั้งหมด 2. ยังได้ได้รับทำเหมืองในพื้นที่ใหม่เพิ่มเติมนอกจากเหมืองทองชาตรีที่มีอยู่ 3,900 ไร่  3.คิงส์เกตมีความมั่นใจว่าจะได้นับการสนับสนุนการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์จากรัฐบาลไทย มีนักลงทุนจากไทยไปร่วม และการดำเนินการครั้งใหม่จะได้รับค่าช่วยเหลือค่าภาคหลวงและภาษีต่างรวมถึงกระบวนการอนุมัติจะดำเนินการโดยเร็ว แต่ข้ามขั้นตอนไม่เป็นไปตามกฎหมายไทย

“หากรัฐบาลไทยยินยอมเช่นนั้น และคำแถลงของคิงส์เกตไปปรากฎในคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการจริง คาดว่าไทยจะเสียหายอย่างมหาศาล เป็นการประนีประนอมที่เอาทรัพย์สมบัติชาติไปแลกกับความผิดพลาดของคสช. หรือหากอนุญาโตตุลาการตัดสินให้ไทยแพ้ ไทยก็ต้องชดใช้ เพราะเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยลงนามไว้ ที่เรียกว่า “นิวยอร์กคอนเวนชัน” ซึ่งคำตัดสินออกมาประชาชนไทยมีสิทธิ์ร้องคัดค้านให้ศาลไทยไม่ปฏิบัติตาม เพื่อร่วมกันปกป้องสมบัติชาติ” นพ.ชลน่าน กล่าว


น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องนี้ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ แต่กลับเก็บเป็นความลับ สถานการณ์ของประเทศไทยเกี่ยวกับคดีเหมืองทองอัคราอยู่ในสภาวะแพ้คดีก็เสียหาย เจรจาก็เสียเปรียบ เพราะหากไทยแพ้คดี จะมีค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 25,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่บริษัทคิงส์เกตร้องขอชดเชยค่าเสียหาย 11 รายการ หนึ่งในนั้นคือการ ขอต่ออายุและขอให้ไทยอนุมัติในใบอนุญาตสำรวจสำคัญ และเมื่อตรวจสอบพบว่าบริษัทคิงส์เกตยังมีใบอนุญาตทำเหมืองแร่และการขออัชญาบัตรพิเศษ ในการสำรวจแร่ 6 จังหวัดคือ ชลบุรี ลพบุรี พิจิตร พิษณุโลกและสระบุรี เป็นคำขอที่ค้างไว้และให้ประเทศไทยอนุมัติรวมพื้นที่ทั้งหมด 6 แสนไร่

“เท่ากับว่าจะมีสมบัติของชาติเกือบ 1ล้านไร่ ที่ต้องเสียค่าโง่จากการใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราของพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องให้ไทย คืนใบอนุญาตให้ บริษัทคิงส.เกต กลับมาดำเนินการในเหมืองทองชาตรีที่ถูกระงับไป หากพล.อ.ประยุทธ์เปิดทางให้คืนใบอนุญาตตามที่ร้องขอ คำถามคือ เหตุใดจึงใช้คำสั่งม.44 สั่งปิดเหมืองทองชาตรีทองคำตั้งแต่แรก ซึ่งการปิดทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างหนัก และเมื่อมีการขอเจรจาปรับมีความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมสรุปแล้วการปิดเหมืองทองคำ ต้องเสียหายมากกว่าเดิมหรือไม่” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของบริษัทคิงส์เกต เคยยื่นดำเนินการแล้วตั้งแต่ปี 2560 ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณกรุงแคนเบอร์รา เพื่อขอเจรจากับประเทศไทยเพื่อไม่ต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการ แต่พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธ พร้อมยืนยันจะไม่เปิดให้ทำเหมืองทองคำในประเทศไทยอีกต่อไป แต่มาถึงวันนี้กลับพบว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์เคยปฏิเสธถูกนำไปดำเนินการตามข้อเรียกร้องของบริษัทคิงส์เกต 4 แสนไร่ และมีแนวโน้มจะเพิ่มอีก 6 แสนไร่

“แม้ขณะนี้ยังไม่มีคำชี้ขาดจากคณะอนุญาโตตุลาการ ต้องรอวันที่ 31 ตุลาคม นี้ แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เพราะทันทีที่สั่งปิดเหมืองทองอัครา ส่งผลกระทบให้ประชาชนกว่า 1000 ชีวิตตกงาน ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่พล.อ.ประยุทธ์อ้างต้องสั่งปิดเหมืองทอง ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้ ม.44 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างมาก เพราะการสั่งปิดโดยที่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนเป็นการแสดงถึงความไม่เข้าใจ และการใส่ใจในกฎกติการะหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและความเชื่อมั่นของประเทศที่ประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้ โดยสิ่งสำคัญมีใบเสร็จความเสียหายเกิดขึ้น หลังครม.อนุมัติงบจากภาษีประชาชนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาท จำนวน 731 ล้านบาท จึงขอตั้งคำถามไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ว่าการใช้งบประมาณแผ่นดิน ไปดำเนินการในคดีที่เป็นความผิดของตัวเอง แบบนี้เป็นความรับผิดชอบของชายชาติทหารหรือไม่” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ผู้ที่ใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราคือพล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นจำเลยหลักในคดีนี้ และ มีคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นจำเลยร่วม การใช้มาตรา44 อาจทำให้ผู้ใช้รอดในประเทศ แต่ไม่ได้ทำให้ประเทศรอดจากกฎกติการะหว่างประเทศ ความเสียหายของคดีเหมืองทองอัคราเป็นตัวอย่างความเร็วร้ายของ มาตรา44 เป็นมรดกบาปของคณะรัฐประหารที่สร้างไว้กับประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดที่ต่างชาติฟ้องร้อง พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติในประเด็นเหมืองทองอัครามาโดยตลอด และขอเรียกร้องให้ประชาชนสื่อมวลติดตาม การออกคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในวันที่ 31 ต.ค.นี้ และขอให้ประชาชนร่วมกับพรรคเพื่อไทยลงชื่อคัดค้านพล.อ.ประยุทธ์นำสมบัติและภาษีของชาติ ไปชดใช้ความผิดของตนเอง โดยพรรคเพื่อไทยจะประกาศผ่านแพลตฟอร์มให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้าน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]