จับตาศาลชี้ขาดคดีเหมืองทองอัครา 31 ต.ค.นี้

พรรคเพื่อไทย 19 ต.ค.- เพื่อไทยเรียกร้องประชาชน-สื่อ จับตาคำชี้ขาดคดีเหมืองทองอัครา 31 ต.ค.นี้ ชวนลงชื่อคัดค้านปกป้องสมบัติชาติ ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องรับผิดชอบหลังใช้ ม.44 สร้างความเสียหาย


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย  ร่วมแถลงข่าวเรื่องมหากาพย์ค่าโง่ เหมืองทองอัครา !! “ปกป้องทรัพย์สมบัติชาติ ไม่ให้นำไปชดใช้ความผิดพลาดจากการปิดเหมืองทองอัคราของคสช.”  ที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ดำเนินการ โดยนายสมพงษ์ กล่าวถึงข้อห่วงใยการดำเนินการของรัฐบาล โดยเฉพาะความเสียหายที่อาจเกิดผลกระทบต่อประเทศชาติ ซึ่งกรณีเหมืองทองอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ และเมื่อ 23 กันยายน2564 ที่ผ่านมา บริษัทคิงส์เกตได้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ในออสเตรเลีย แจ้งการเจรจากับรัฐบาลไทยขออนุญาตดำเนินการเรื่องต่าง ๆ โดยเร็วนั้น จึงมีความห่วงเรื่องการเจรจา ก่อนจะยื่นให้อนุญาโตตุลาการตัดสิน 31 ตุลาคมนี้ กังวลว่าหากเป็นไปตามที่คิงส์เกตแถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง

น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยติดตามมาโดยตลอด ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ ส.ส.ของพรรคนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ได้อภิปรายเปิดประเด็นไว้เมื่อปี 2562 และ นางสาวจิราพร อภิปรายไม่ไว้วางใจปีนี้ที่เพิ่งผ่านมา ก่อนจะอธิบายถึงการใช้กฎหมายมาตรา 44 ที่72/2559 ของ คสช. ระงับการทำเหมืองแร่ทองคำเมื่อ 1 มกราคม 2560 จากนั้นได้นำประเด็นพิพาทเข้าสู่อนุญาโตตุลาการเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2560 ก่อนจะเข้ากระบวนการไต่สวน บริษัทคิงส์เกตเรียกค่าเสียหาย 22,500 ล้านบาท ซึ่งไต่สวนที่ประเทศสิงคโปร์  ช่วงวันที่ 3-12 กุมภาพันธ์ 2563 จากนั้น 23 กันยายน 2564 บริษัทคิงส์เกตแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียเรื่องการเจรจากับไทยว่าจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ โดยจะประกาศข้อตัดสินชี้ขาด 31 ตุลาคมนี้


“ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศที่ประชุมครม.ว่าจะรับผิดชอบเอง เพราะเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ต้น เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 พรรคจึงอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะอนุญาโตตุลาการเตรียมออกคำตัดสินชี้ขาด แต่คู่พิพาทระหว่างรัฐบาลไทย กับ บริษัทคิงส์เกตได้เจรจาตกลงกันว่าจะขอยืดเวลาสั้น ๆ ให้อนุญาโตตุลาการพิเศษออกคำตัดสินในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ในข้อเจรจายุติประนีประนอมข้อพิพาทที่สองฝ่ายพึงพอใจ ซึ่งถ้อยแถลงการของคิงส์เกตุ มีส่วนหนึ่งที่คนไทยต้องสนใจว่าจะเป็นมหากาพย์ค่าโง่ ที่ไทยจะสูญเสียทรัพย์สมบัติของชาติ เพื่อแลกกับความผิดพลาดของคสช. โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ยึดเหมืองทองของเขามาเป็นของรัฐโดยมิชอบ ซึ่งมาตรา 44 เป็นกฎหมายบังคับใช้ที่ไม่ผ่านรัฐสภา” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่บ.คิงส์เกตแถลงอยู่นอกเหนือข้อพิพาท อ้างถึงคือ 1.ข้อเสนอของคิงส์เกตจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทยทุกข้อโดยไม่มีข้อจำกัด ได้รับการอนุญาตทำเหมือนได้ใหม่ทั้งหมด 2. ยังได้ได้รับทำเหมืองในพื้นที่ใหม่เพิ่มเติมนอกจากเหมืองทองชาตรีที่มีอยู่ 3,900 ไร่  3.คิงส์เกตมีความมั่นใจว่าจะได้นับการสนับสนุนการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์จากรัฐบาลไทย มีนักลงทุนจากไทยไปร่วม และการดำเนินการครั้งใหม่จะได้รับค่าช่วยเหลือค่าภาคหลวงและภาษีต่างรวมถึงกระบวนการอนุมัติจะดำเนินการโดยเร็ว แต่ข้ามขั้นตอนไม่เป็นไปตามกฎหมายไทย

“หากรัฐบาลไทยยินยอมเช่นนั้น และคำแถลงของคิงส์เกตไปปรากฎในคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการจริง คาดว่าไทยจะเสียหายอย่างมหาศาล เป็นการประนีประนอมที่เอาทรัพย์สมบัติชาติไปแลกกับความผิดพลาดของคสช. หรือหากอนุญาโตตุลาการตัดสินให้ไทยแพ้ ไทยก็ต้องชดใช้ เพราะเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยลงนามไว้ ที่เรียกว่า “นิวยอร์กคอนเวนชัน” ซึ่งคำตัดสินออกมาประชาชนไทยมีสิทธิ์ร้องคัดค้านให้ศาลไทยไม่ปฏิบัติตาม เพื่อร่วมกันปกป้องสมบัติชาติ” นพ.ชลน่าน กล่าว


น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องนี้ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ แต่กลับเก็บเป็นความลับ สถานการณ์ของประเทศไทยเกี่ยวกับคดีเหมืองทองอัคราอยู่ในสภาวะแพ้คดีก็เสียหาย เจรจาก็เสียเปรียบ เพราะหากไทยแพ้คดี จะมีค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 25,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่บริษัทคิงส์เกตร้องขอชดเชยค่าเสียหาย 11 รายการ หนึ่งในนั้นคือการ ขอต่ออายุและขอให้ไทยอนุมัติในใบอนุญาตสำรวจสำคัญ และเมื่อตรวจสอบพบว่าบริษัทคิงส์เกตยังมีใบอนุญาตทำเหมืองแร่และการขออัชญาบัตรพิเศษ ในการสำรวจแร่ 6 จังหวัดคือ ชลบุรี ลพบุรี พิจิตร พิษณุโลกและสระบุรี เป็นคำขอที่ค้างไว้และให้ประเทศไทยอนุมัติรวมพื้นที่ทั้งหมด 6 แสนไร่

“เท่ากับว่าจะมีสมบัติของชาติเกือบ 1ล้านไร่ ที่ต้องเสียค่าโง่จากการใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราของพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องให้ไทย คืนใบอนุญาตให้ บริษัทคิงส.เกต กลับมาดำเนินการในเหมืองทองชาตรีที่ถูกระงับไป หากพล.อ.ประยุทธ์เปิดทางให้คืนใบอนุญาตตามที่ร้องขอ คำถามคือ เหตุใดจึงใช้คำสั่งม.44 สั่งปิดเหมืองทองชาตรีทองคำตั้งแต่แรก ซึ่งการปิดทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างหนัก และเมื่อมีการขอเจรจาปรับมีความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมสรุปแล้วการปิดเหมืองทองคำ ต้องเสียหายมากกว่าเดิมหรือไม่” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของบริษัทคิงส์เกต เคยยื่นดำเนินการแล้วตั้งแต่ปี 2560 ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณกรุงแคนเบอร์รา เพื่อขอเจรจากับประเทศไทยเพื่อไม่ต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการ แต่พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธ พร้อมยืนยันจะไม่เปิดให้ทำเหมืองทองคำในประเทศไทยอีกต่อไป แต่มาถึงวันนี้กลับพบว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์เคยปฏิเสธถูกนำไปดำเนินการตามข้อเรียกร้องของบริษัทคิงส์เกต 4 แสนไร่ และมีแนวโน้มจะเพิ่มอีก 6 แสนไร่

“แม้ขณะนี้ยังไม่มีคำชี้ขาดจากคณะอนุญาโตตุลาการ ต้องรอวันที่ 31 ตุลาคม นี้ แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เพราะทันทีที่สั่งปิดเหมืองทองอัครา ส่งผลกระทบให้ประชาชนกว่า 1000 ชีวิตตกงาน ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่พล.อ.ประยุทธ์อ้างต้องสั่งปิดเหมืองทอง ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้ ม.44 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างมาก เพราะการสั่งปิดโดยที่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนเป็นการแสดงถึงความไม่เข้าใจ และการใส่ใจในกฎกติการะหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและความเชื่อมั่นของประเทศที่ประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้ โดยสิ่งสำคัญมีใบเสร็จความเสียหายเกิดขึ้น หลังครม.อนุมัติงบจากภาษีประชาชนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาท จำนวน 731 ล้านบาท จึงขอตั้งคำถามไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ว่าการใช้งบประมาณแผ่นดิน ไปดำเนินการในคดีที่เป็นความผิดของตัวเอง แบบนี้เป็นความรับผิดชอบของชายชาติทหารหรือไม่” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ผู้ที่ใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราคือพล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นจำเลยหลักในคดีนี้ และ มีคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นจำเลยร่วม การใช้มาตรา44 อาจทำให้ผู้ใช้รอดในประเทศ แต่ไม่ได้ทำให้ประเทศรอดจากกฎกติการะหว่างประเทศ ความเสียหายของคดีเหมืองทองอัคราเป็นตัวอย่างความเร็วร้ายของ มาตรา44 เป็นมรดกบาปของคณะรัฐประหารที่สร้างไว้กับประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดที่ต่างชาติฟ้องร้อง พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติในประเด็นเหมืองทองอัครามาโดยตลอด และขอเรียกร้องให้ประชาชนสื่อมวลติดตาม การออกคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในวันที่ 31 ต.ค.นี้ และขอให้ประชาชนร่วมกับพรรคเพื่อไทยลงชื่อคัดค้านพล.อ.ประยุทธ์นำสมบัติและภาษีของชาติ ไปชดใช้ความผิดของตนเอง โดยพรรคเพื่อไทยจะประกาศผ่านแพลตฟอร์มให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้าน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย