กทม. 16 ต.ค.- ‘พีระพันธุ์’ โพสต์แจงเหตุร่วม พปชร. อยากช่วยงาน-ทำพรรคเป็นสถาบันการเมือง เผย ‘พล.อ.ประวิตร’ เซ็นรับรองใบสมัครตั้งแต่ เม.ย. แต่ติดโควิด เพิ่งได้ยื่นเป็นทางการ ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2564 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค – Pirapan Salirathavibhaga ชี้แจงกรณีการสมัครเข้าเป็นสมาชิก พปชร. ว่า ตนไม่เคยคาดคิดว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. จะถูกนำไปวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ตีความ โยงกันจนวุ่นวายสับสนเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหน ตนเองยังไม่เคยรู้เรื่องเลย ตนให้สัมภาษณ์ปฏิเสธหลายครั้ง แต่ก็ยังวิเคราะห์วิจารณ์กันอยู่แบบเดิมอีก เพื่อความชัดเจนและเป็นคำพูดของตนเอง โดยไม่ต้องไปอ้างแหล่งข่าวลึกลับซับซ้อนซึ่งหาตัวตนไม่ได้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่มีเงื่อนไขและไม่มีการเสนอเงื่อนไขใดๆ ในการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เป็นการสมัครเป็นสมาชิกธรรมดาๆ ไม่มีอะไรลึกลับซ่อนเงื่อน และได้พูดคุยกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.มานานมากตั้งแต่ปี 2563 เกี่ยวกับความตั้งใจที่จะสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งเป็นหลักให้บ้านเมืองต่อไป ตนอยากช่วยท่านในเรื่องนี้ แต่ติดขัดเรื่องงานต่างๆ ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จตามเวลา จึงเรียนท่านว่าเมื่องานเบาลงจะมาช่วยท่าน ทัง้นี้ ประมาณเดือนเมษายน 2564 งานต่างๆ พอจะเบาลง จึงเรียนให้ พลเอกประวิตรทราบ แล้วกรอกใบสมัคร โดยพลเอกประวิตรเป็นผู้ลงนามรับรองด้วยตัวเอง แต่ปรากฏว่าเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ที่ทำการพรรคปิดไม่มีกำหนด สมัครไม่ได้ และการประชุมใหญ่พรรคในเดือนเมษายน 2564 ก็ถูกยกเลิกไป จนกลางเดือนกันยายน 2564 จึงให้เจ้าหน้าที่สอบถามไปทางที่ทำการพรรคทราบว่าเจ้าหน้าที่พรรคจะมาทำงานเป็นช่วงเวลาหรือตามที่นัดหมายเท่านั้น และได้มีการนัดหมายกันว่าต้นเดือนตุลาคม 2564 จะนำใบสมัครของตนไปยื่นให้
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยโดยใช้ใบสมัครที่เตรียมไว้เดิมตั้งแต่เดือนเมษายนที่ พลเอกประวิตรลงนามรับรองให้แล้ว ท่านหัวหน้าพรรคก็แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อมาช่วยท่านทำงาน ซึ่งเป็นดุลยพินิจและเป็นอำนาจของท่านเองทั้งสิ้น ก็เท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองอย่างที่วิเคราะห์วิจารณ์กันในขณะนี้ .-สำนักข่าวไทย